สอนลูกอย่างไรให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม
ปัจจุบันเราจะเห็นปัญหาเยาวชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นยกพวกตีกัน หรือว่า การลักเล็กขโมยน้อย แล้วจะมีวิธีการดูแลอย่างไร เด็กคนหนึ่งจะดีได้ควรได้รับการปลูกฝังอย่างไร ผู้เป็นพ่อแม่ควรเข้ามาศึกษากัน
สิ่งที่สังคมคาดหวังกับ “คนดี” นั้นมีอะไรบ้าง
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5 ประการ คือ
1. ความซื่อสัตย์ 2. มีจิตสาธารณะ 3. รักความเป็นธรรม 4. มีความรับผิดชอบ 5. ชีวิตพอเพียง
ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ส่งเสริมให้ได้เรียนรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ บุคคลต้นแบบ เราลองมาดูว่า..ฝรั่งเขามีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ที่ โรงพยาบาลแบรดลี่ย์ (Bradley Hospital) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่และเด็ก ได้สรุปไว้ว่า ถ้าจะให้เด็กเกิดความรับผิดชอบต่อสังคมต้อง มอบหมายงานบ้านให้ทำ (ซึ่งเป็นงานบ้านเท่าที่กำลังความสามารถของเด็กจะทำได้)
โดยเบื้องต้นต้องสอนให้รู้
ความหมาย งานบ้านนั้น ทำไปเพื่ออะไร เพราะงานบ้าน คือการสร้าง Sense ดังนี้
1. Sense of Contribution สร้างความรู้สึกแบ่งปัน คือเด็กได้ช่วยเหลือครอบครัว
2. Sense of accomplishment คือ เกิดความสำเร็จในงาน
3. Sense of proud เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง นำมาซึ่งการยอมรับนับถือตนเอง
(self-respect) และในการยอมรับนับถือตนเองนั้น จะสามารถเชื่อมโยงไปสู่
ความสุขในชีวิต
และ สุขภาพจิตที่ดีของเด็กด้วย
เพราะฉะนั้นเด็กที่มี AQ (Adversity
Quotient หรือ ความสามารถในการฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรค) และ EQ (Emotional
Quotient หรือ ความฉลาดทางอารมณ์) อยู่ในระดับสูงๆ นั้น มาจากการที่เด็กยอมรับนับถือตัวเอง (self-respect)
การให้เด็กไปทำงานบ้านนั้น คือ
การเชื่อมโยง (Connection) ระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง
แต่เนื่องจาก
“งานบ้าน” เป็นงานที่น่าเบื่อ
การที่จะให้เด็กยอมทำงานบ้านนั้น
ในขั้นแรก คือ ทัศนคติ (Attitude) ของพ่อแม่ที่มีต่องานบ้าน ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนว่า “งานบ้าน” นั้น เป็นเครื่องมือการสอนที่ทรงประสิทธิภาพมาก (Effective teaching tool) และเป็นเครื่องมือที่หาได้ง่าย
ซึ่งงานบ้านนั้นสอนให้เรียนรู้ถึง
1. การเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในครอบครัว
2. การสอนให้เด็กรู้จักสร้างความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นในสังคม
ศิลปะการสอนงานบ้านให้เด็กรู้สึกสนุก
1. ชมและเชียร์ทำให้เกิดบรรยากาศ สนุกสนาน
2. หากมีผิดพลาดก็สอนให้รู้จัก “การให้อภัย” เช่น จานตกแตก ก็อย่าไปดุเด็ก แต่ให้ใช้โอกาสนี้สอนให้เด็กเรียนรู้
และสร้างประสบการณ์ภายในที่ดีของเด็ก
เพราะจิตของเด็กนั้น
เหมือนผ้าขาว มันมีค่ามากกว่าจานที่แตกหลายเท่านัก จานแตกก็ซื้อใหม่ได้ แต่คุณค่าทางใจของเด็กที่กำลังจะพัฒนาเพื่อโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญอย่างที่สุด
ช่วยงานบ้านผู้ปกครองเด็กจะภูมิใจว่าได้เป็น "ส่วนหนึ่ง" ของครอบครัว
เพราะว่าเราทำงาน (บ้าน) ร่วมกัน..
หากจะผิดพลาดอะไรไปบ้าง
เสียหายบ้าง เช่น เด็กทำจานแตก เราต้องดูแลคนของเราก่อน
ไม่ใช่ไปดูที่สิ่งของก่อน สิ่งของนั้นไม่ตายก็หาซื้อใหม่ได้
แต่..คนและจิตใจของคนนี้ซื้อไม่ได้ หากเราสร้างให้เขามีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ให้เขารู้สึกว่า พ่อแม่เห็นเขาเป็นส่วนหนึ่ง เพียงแค่สอนเขาเมื่อเกิดความเสียหายจากการกระทำของเขาว่า ไม่เป็นไร
แต่คราวหลังให้ระมัดระวังหน่อยแล้วกัน ด้วยวาจาแห่งรักและปรารถนาดี เด็กจะเกิดการเรียนรู้ และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จะฝังอยู่ในจิตใจเขา
ซึ่งมีค่ามากกว่าจานที่แตกไปแล้วมากมายนัก
การให้รางวัลแก่เด็กจะดีหรือไม่?
ไม่ควรเลย...อย่าไปให้เงินค่าขนม เนื่องจากการให้ทำงานบ้านเป็นการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม
แล้ว เงินนั้นมันจะทำลายไปทุกอย่างหมดเลย ทำให้เห็นว่า การจะทำอะไรนั้นสุดท้ายต้องได้รางวัลตอบแทน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์
ในทางธรรมะ การฝึกคนๆ หนึ่งนั้น ควรยึดหลักธรรม “มรรคมีองค์
8” ตั้งแต่เบื้องต้น จนหมดกิเลสเข้านิพพาน
หากมรรคมีองค์ 8 เปรียบเสมือนต้นไม้
1 ต้น
1. สัมมาทิฏฐิ – ความเห็นถูก ก็เปรียบได้กับรากของต้นไม้
ถ้ารากดูดซับสิ่งที่เป็นพิษ ทุกอย่างที่ออกมาเป็นพิษหมด
ปลูกฝังสัมมาทิฏฐิได้อย่างไร...
1.1 เล่านิทาน กฎแห่งกรรม (karma law) ให้ลูกฟัง
ซึ่งหาได้จาก ชาดกธรรมบท
พ่อแม่ควรเร่งศึกษาแล้วนำไปเล่าให้ลูกฟัง ตัวพ่อแม่เองก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย เด็กๆ ยิ่งฟังยิ่งลงลึก ไม่ต้องกลัวว่าจะเล็กเกินที่จะเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าว สิ่งนี้เป็นการปลูกฝังความคิดที่ดีลงในใจเด็ก เรื่องความกตัญญู หาอ่านได้จาก 24กตัญญู-จีน นอกจากเล่าให้ลูกฟังแล้วต้อง ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
1.2 การสร้างนิสัยโดย
ฝึกการใช้ “ปัจจัย 4” อาหาร (มารยาทในวงอาหาร) เครื่องนุ่งห่ม (แต่งกายให้เหมาะสมกาลเทศะ สะอาดและเป็นระเบียบ) ที่อยู่อาศัย (ทำความสะอาดเก็บของให้เรียบร้อย) และยารักษาโรค (อิริยาบถ
4 เดิน ยืน นั่ง นอน ในท่าที่ถูกทาง
จะได้ไม่ป่วย)
1.3ให้ลูกฝึกเป็นอาสาสมัครช่วยงานวัด หรืองานอาสาอะไรก็ได้ (เพื่อสร้างจิตสำนึกต่อส่วนรวม
จะได้ในเรื่องการเข้าสังคม)
2. สัมมาสังกัปโป – มีความคิดถูก (ลำต้น) ไม่หมกมุ่นเรื่องกาม
มองการณ์ไกล
ไม่หุนหันพลันแล่น
ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ เช่น พาลูกไปดูชีวิตในสวนสัตว์ ว่าถ้าหากเรารังแกสัตว์อย่างนี้ ครอบครัวจะกระทบกระเทือนอย่างไร
ฝึกให้เป็นคนคิดถึงจิตใจผู้อื่นไม่อาฆาต ไม่เบียดเบียนใคร
3. สัมมาวาจา – การพูดถูก (กิ่ง)
4. สัมมากัมมันตะ – การทำการงานถูกต้อง (ใบ)
5. สัมมาอาชีวะ – เลี้ยงชีพถูกต้อง (ดอก)
6. สัมมาวายามะ – ความเพียรชอบ ให้กำลังใจลูกจะได้ทำดียิ่งๆ ขึ้นไป
7. สัมมาสติ – สติชอบ
8. สัมมาสมาธิ(Meditation) – สมาธิชอบ
พ่อแม่นั้นจะเป็น
ดั่ง ปฏิมากร ที่สร้างสรรค์ชีวิตน้อยๆ ให้เติบโตและหยัดยืนอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ทั้งยังมีความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ลูกจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับพ่อแม่ เพราะลูกที่ดี คือปฏิมากรรมชั้นยอดของพ่อและแม่ ไปไหนใครก็ชม
พ่อแม่ก็จะชื่นใจมิรู้คลาย.
ที่มา: รายการทันโลกทันธรรม ตอนวิธีสอนลูกให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม. www.dmc.tv