จัดระบบความคิด
(จบ)
เปิดประเด็นไว้ใน “ไอทีไร้พรมแดน” วันอังคารที่แล้วถึงเรื่องการคิดแบบ Logical
Thinking ซึ่งอาจฟังดูยากแต่จริงๆ แล้วมีเคล็ดลับให้ฝึกคิดสร้างความคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อประยุกต์ใช้ได้กับทั้งหน้าที่การงาน
หรือเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันก็ตาม
เกริ่นไว้ 3 ข้อแรก คือ การ “จับประเด็นสำคัญ”
ที่ทุกวันนี้ทำได้ยากขึ้น เพราะมีข้อมูลให้ต้องขบคิดต้องตัดสินใจมากเหลือเกิน
แต่ในความหลากหลายของข้อมูลนั้น จะพบว่ามีประเด็นสำคัญจริงๆ อยู่ไม่กี่ข้อเท่านั้นซึ่งเราต้องหาให้เจอ ข้อสองคือรู้จัก “ใช้สถิติข้อมูลต่างๆ”
เพื่อแยกแยะข้อมูลออกจากข้อมูลดิบ และข้อสามคือ “การคิดให้แตกต่าง”
ในหลายๆ มิติ ซึ่งอาจมีข้อเท็จจริงหรือมีมุมมองอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับการตัดสินใจของเราซุกซ่อนอยู่
ต่อกันในข้อที่สี่ คือ หมั่นตั้งคำถามให้กับตัวเองเสมอ เพราะโดยปกติวิสัยของคนทำงานมักจะทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาโดยอัตโนมัติจนแทบจะกลายเป็นเครื่องจักรไปอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งนิสัยเช่นนี้อาจมีข้อดีตรงที่ทำงานได้เรื่อยๆ
ไม่มีอะไรสะดุดติดขัดหากสภาพแวดล้อมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นจริงนิสัยแบบนี้จะทำให้วิธีคิดไม่ยืดหยุ่น
เพราะได้รับแค่คำสั่งแล้วไม่คิดต่อ ซึ่งถ้าผู้นำเป็นเช่นนี้องค์กรจะแก้ปัญหาต่างๆ
ไม่ได้ เราจึงต้องหมั่นถามว่า “ทำไม” และปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นเป็นกลไก ทำให้เราแสวงหาวิธีทำงาน แสวงหาความรู้ใหม่ๆ
เพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
การหิวความรู้และต้องการทราบคำตอบ จะทำให้เกิดการศึกษาที่ไม่หยุดนิ่ง และสร้างแรงบันดาลใจในการค้นคว้าหาคำตอบ ซึ่งคำตอบเหล่านั้นอาจเป็นข้อสรุปที่จะแก้ปัญหาได้ในที่สุด การเริ่มต้นคิด การเริ่มต้นสงสัยสิ่งต่างๆ จึงเป็นที่มาของ Logical Thinking ให้เราได้
ข้อห้า ต้องหมั่นจดบันทึก เพราะการตัดสินใจเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยข้อมูลมากมาย ย่อมมีโอกาสหลงลืม หรือสับสนจนเลือกใช้ข้อมูลผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ การจดบันทึกความคิดของเราในช่วงต่างๆ จึงช่วยให้ค่อยๆ ตกผลึกทางความคิด และกลั่นกรองข้อมูลต่างๆ
ได้ทีละน้อยๆ จนสมบูรณ์แบบที่สุด
การจดบันทึกยังทำให้มีที่มาที่ไปทางความคิด คือ รู้ว่าเริ่มต้นคิดอย่างไร
และวางแผนไว้อย่างไร ฯลฯ ทำให้วิเคราะห์รูปแบบการคิดในภายหลังได้ ซึ่งจะง่ายต่อการนำแนวทางที่คิดไว้ไปทำให้เป็นแผนปฏิบัติงานได้ในภายหลัง
ข้อสุดท้าย ต้องหมั่นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นอยู่เสมอ
ทั้งที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกัน มีแนวคิดใกล้เคียงกัน หรืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ตาม แต่เท่านี้อาจยังไม่พอเพราะความคล้ายคลึงกันอาจทำให้มีมิติทางความคิดที่ไม่หลากหลายนัก
บางครั้งการคุยกับบุคคลอื่นที่อยู่ต่างสาขาวิชาชีพ ต่างวัย ต่างอุตสาหกรรม
ก็อาจทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นและมองเห็นจุดอ่อนของตัวเองได้ในที่สุด เพราะความเห็นที่หลากหลายจะผสมผสานความคิดของแต่ละคนเข้าด้วยกันทำให้ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้โดยมีมิติความคิดที่กว้างขึ้น
การจะคิดได้เป็นระบบเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะฝึกฝนเพื่อสร้างความรอบคอบและสร้างกลไกการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดได้ เพราะการตัดสินใจอาจเป็นเรื่องยาก เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาหากตัดสินใจผิดพลาดแต่กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบจะทำให้ตัดสินใจได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ไม่ได้อาศัยโชคชะตาหรือชาติกำเนิด แต่เป็นการเรียนรู้ที่ฝึกฝนกันได้และช่วยให้ค่อยๆ
ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ นำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ในท้ายที่สุด
ที่มา : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ (กรุงเทพธุรกิจ 8 พ.ค.
55)