เงินทองเป็นของคุณก็จริง
แต่ทรัพยากรนั้นเป็นสมบัติของสังคมส่วนรวม
เมื่อผมเดินทางถึงแฮมเบิร์ก เพื่อนร่วมชาติซึ่งทำงานอยู่ที่นั่นจัดให้มีการเลี้ยงต้อนรับผมที่ภัตตาคาร
ขณะที่เราเดินเข้าไปในภัตตาคาร เราพบว่าโต๊ะจำนวนมากว่างอยู่ มีโต๊ะหนึ่งมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่
บนโต๊ะของทั้งคู่ มีอาหารอยู่เพียงสองจาน และเบียร์อีกสองกระป๋อง ผมคิดสงสัยอยู่ในใจ
ว่าอาหารมื้อง่ายๆอย่างนี้ จะทำให้เกิดบรรยากาศโรแมนติคขึ้นได้อย่างไร
และสาวน้อยคนนี้ คงจะเลิกคบกับไอ้หนุ่มขี้เหนียวคนนั้นหรือไม่ ?
มีหญิงสาวสูงอายุอีกสองสามคนนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง
เมื่อคนเสิร์ฟนำอาหารมาบริการ เขาจะทำการแบ่งอาหารให้กับหญิงสาวเหล่านั้น และ ทุกคนจะกินอาหารจนหมดสิ้น
ไม่มีเศษเหลืออยู่บนจานให้เห็น
พวกเราไม่ได้ให้ความสนใจกับหญิงสาวเหล่านั้นมากนัก
เพราะเรากำลังนั่งรออาหารซึ่งได้สั่งไปแล้ว เพื่อนคนนั้น สั่งอาหารไว้หลายจาน
เพราะเราต่างกำลังหิว
อาหารเสิร์ฟออกมาได้เร็ว คงเป็นเพราะภัตตาคารมีแขกน้อย
เราใช้เวลาในการกินอาหารเย็นมื้อนั้นไม่นาน ทั้งนี้เพราะเรายังมีกิจกรรมอื่นรออยู่
ขณะที่เราลุกออกจากโต๊ะ ยังมีอาหารซึ่งกินไม่หมดเหลืออยู่อีกราวหนึ่งในสามส่วน
ขณะที่พวกเรากำลังเดินออกจากภัตตาคาร เราได้ยินเสียงใครเรียกพวกเราอยู่
เราสังเกตเห็นว่า หญิงสาวสูงอายุกำลังพูดกับเจ้าของภัตตาคารเกี่ยวกับพวกเรา
เมื่อพวกเขาเริ่มพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษ เราจึงเข้าใจว่า พวกเขาต่างไม่พอใจที่พวกเราทิ้งอาหารไว้มากเช่นนั้น
เรารู้สึกในทันทีว่า พวกเขา เข้ามายุ่มย่ามเกินกว่าเหตุ “ พวกเราจ่ายค่าอาหารแล้ว
มันไม่ใช่ธุระของพวกคุณ ว่าเรากินอาหารไม่หมดแล้วเหลืออยู่เท่าไร ” เพื่อนของเราคนหนึ่งชื่อ กุย ( Gui) บอกกับหญิงสูงอายุเหล่านั้น
หญิงสาวเหล่านั้นรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
คนหนึ่งในนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วต่อสายเพื่อพูดกับใครบางคน
ไม่นานหลังจากนั้น ชายในชุดยูนิฟอร์มก็มาถึง
โดยแสดงตัวว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์การสวัสดิการสังคม ( Social
Security organization) ภายหลังจากฟังความจนเข้าใจว่า
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็สั่งปรับพวกเราเป็นเงิน 50 มาร์ค พวกเราทุกคนต่างเงียบกริบ เพื่อนซึ่งอยู่ในเมืองนี้หยิบเงิน 50 มาร์คส่งให้ไป
พร้อมกับกล่าวขอโทษขอโพยต่อเจ้าหน้าที่หลายครั้ง.
เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเรา
ด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า “ สั่งอาหารเท่าที่พวกคุณจะสามารถกินได้หมด
เงินทองอาจจะเป็นของคุณ แต่ทรัพยากรนั้นเป็นสมบัติส่วนรวม มีคนอีกจำนวนมากในโลกนี้
ที่ยังขาดแคลนทรัพยากร พวกคุณไม่มีเหตุผล ที่จะใช้ทรัพยากรอย่างทิ้งๆขว้างๆ ”
สีหน้าพวกเราเปลี่ยนเป็นสีแดง
พวกเราเห็นด้วยกับคำพูดของเขาหมดทั้งหัวใจ
ทัศนคติของผู้คนในประเทศร่ำรวยแห่งนี้ทำให้พวกเรารู้สึกละอาย
เราต้องทบทวนพิจารณาตัวเองกันจริงๆในประเด็นนี้ พวกเรามาจากประเทศซึ่งมีทรัพยากรไม่อุดมสมบูรณ์นัก เพื่อรักษาหน้าตาตัวเอง
เราจึงสั่งอาหารมามากๆ และพวกเราก็สั่งกันจนเหลือในยามที่เลี้ยงผู้อื่น บทเรียนนี้
สอนเราให้คิดอย่างจริงจังเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยไม่ดีเหล่านี้เสีย
เพื่อนของผมถ่ายสำเนาใบเสร็จค่าปรับนั้น
และมอบให้กับพวกเราแต่ละคน ทุกคน พวกเราทุกคนรับเก็บไว้ และแปะไว้ข้างฝา
เพื่อเตือนใจเราว่า เราจะต้องไม่ทำตัวเป็นคนสิ้นเปลืองอีกอย่างเด็ดขาด
อีเมลส่งต่อจากรศ.ดร. ปฐมาพร
เอมะวิศิษฏ์ (8419 )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น