สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
ต่างกันอย่างไร
ศาสตราจารย์พิเศษ อาบ นคะจัด (77)
นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์สหกรณ์แห่งประเทศไทย
สถาบันการเงินในรูปสหกรณ์ ที่ทำธุรกรรมการซื้อหรือการขายเงินและเงินทุนในระบบสหกรณ์หรือนอกระบบสหกรณ์เป็นหลักในประเทศไทยเวลานี้ คือ
สหกรณ์ประเภทออมทรัพย์และสหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนี่ยน ทั้งนี้ภายใต้กฎหมายสหกรณ์และกฎหมายพื้นฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
สหกรณ์ประเภทออมทรัพย์ (สอ.) คือสหกรณ์ที่สมาชิกมีอาชีพเป็นลูกจ้าง มีรายได้ประจำเป็นเงินเดือนของหน่วยงานภาคราชการ ภาครัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน เขตหรือแดนรับสมาชิกคือความเป็นบุคลากรสังกัดหน่วยงานนั้นๆ ไม่ใช้เขตแดนการปกครองเช่น ตำบล อำเภอ หรือจังหวัด เป็นเขตแดนรับสมาชิก
ส่วนสหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนี่ยน (สค.) คือ สหกรณ์ที่สมาชิกมีอาชีพแตกต่างกันแต่อยู่ในชุมชนเดียวกัน เช่น เป็นลูกจ้างหน่วยงานภาคราชการ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน หรือประกอบอาชีพอิสระอยู่ในเขตการปกครองเดียวกัน เช่น ตำบล อำเภอ หรือจังหวัดเดียวกัน
เมื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับ “ปริมาณธุรกิจ” 2 อย่างคือเงินรับฝากและเงินให้กู้ยืม ระหว่างปี 2550-2554 (5 ปี) (ดูตารางท้ายบทความ) มาวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง (Structural
Analysis) และอัตราเติบโต (Growth
Rate Analysis) แล้ว พบว่า
ปริมาณธุรกิจ 2 รายการ คือจำนวนเงินรับฝากและเงินให้กู้ของสหกรณ์ประเภทออมทรัพย์ลดลง จากร้อยละ 98.13 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 96.84 ในปี 2554 หรือลดลงร้อยละ 1.31 เฉลี่ยปีละ 0.26%
ส่วนปริมาณธุรกิจ 2 รายการดังกล่าวของสหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนี่ยน เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 1.87 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 3.16 ในปี 2554 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.00 เฉลี่ยปีละ 14%
เหตุผลที่เป็นตามผลการวิเคราะห์ดังกล่าว ก็คือ สหกรณ์ประเภทออมทรัพย์ในหน่วยงานภาคราชการ ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ในชุมชนเมืองได้มาถึงจุดอิ่มตัวด้านจำนวนสมาชิกที่จะฝากเงินหรือที่จะกู้เงิน แม้จำนวนเงินรับฝากและเงินให้กู้รวมกันในปี 2554 ของ สอ. จะเพิ่มจากปี 2550 ค่อนข้างสูงคือร้อยละ 68.00 เฉลี่ยปีละ 14% แต่เมื่อเทียบกับจำนวนเงินรับฝากและเงินให้กู้รวมกันของ สค. ในปี 2554 ที่เพิ่มจากปี 2550 ร้อยละรวมกัน 187.93 เฉลี่ยปีละ 37.60 ซึ่งสูงกว่าของ สอ. เกือบ 3 เท่าในเชิงสถิติ ทั้งนี้ก็เพราะว่า สค. มีสมาชิกที่มีอาชีพแตกต่างกันเข้าเป็นสมาชิกได้ ไม่จำกัดเฉพาะอาชีพใดอาชีพหนึ่ง และทยอยเกิดมากขึ้นในชุมชนชนบทในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากของจำนวนเงินรับฝากและเงินให้กู้รวมกันของ สค. ในเชิงสถิติ
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีระบบกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันการเงินแตกต่างจากของประเทศไทย แต่พอจะนำมาเปรียบเทียบให้เห็นว่า บริการของสหกรณ์ประเภทออมทรัพย์ และบริการของสหกรณ์ประเภทเครดิต ยูเนี่ยน มีวัตถุประสงค์หลักแตกต่างกัน เมื่อปี ค.ศ. 1831 (พ.ศ. 2374) ได้เกิดมีสถาบันการเงินในรูปธนาคาร (Bank) มีชื่อว่า “Savings and Loan Associations” “สมาคมออมทรัพย์และให้กู้ยืม” เพื่อเป็นกลไกรับฝากรวบรวมเงินออมของชุมชนเดียวกัน เพื่อให้เงินกู้เป็นทุนซื้อที่อยู่อาศัย หน้าที่หรือบริการให้เงินกู้เป็นทุนซื้อที่อยู่อาศัยนี้ ยังเป็นหน้าที่หรือบริการหลักของสถาบันการเงินประเภทนี้อยู่จนถึงปัจจุบัน สถาบันการเงินประเภทนี้ประมาณ 5,000 แห่ง เกือบทั้งหมดปล่อยเงินออมของชุมชนเป็นเงินกู้แก่คนในชุมชนเป็นเงินทุนซื้อที่อยู่อาศัย แล้วนำมาจำนองประกันเงินกู้ของสถาบันการเงินในรูปธนาคาร ดังกล่าว
ในคาบเวลาเดียวกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีสถาบันการเงินอีกประเภทหนึ่ง เรียกชื่อว่า “Credit Unions” คือสมาคมสหกรณ์ออมทรัพย์และให้เงินกู้จัดตั้งขึ้นโดยเอกชนที่เป็นสมาชิก ซึ่งผูกพันกัน มีอาชีพอย่างเดียวกัน เช่นมีอาชีพเป็นลูกจ้างของผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานเช่นกัน โดยทั่วไป สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมีเงินฝากแต่ละคนจำนวนไม่มาก แต่ได้ใช้ประโยชน์เงินออมที่แต่ละคนนำมารวมกันไว้ที่สหกรณ์ในรูปหุ้นและเงินฝาก เงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนให้สมาชิกกู้ยืม เป็นการให้เงินกู้เพื่อการอุปโภคบริโภค เพราะเป็นเงินให้กู้จำนวนไม่มากแต่ละราย ในยุคปี ค.ศ. 1831 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสหรัฐอเมริกามีจำนวนประมาณ 22,000 สมาคม มีเงินฝากรวมกันไม่ถึง 5% ของเงินรับฝากของสถาบันการเงินทั้งประเทศ สหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนี่ยนในประเทศไทยก็มีลักษณะการออมทรัพย์ในรูปหุ้นและเงินฝาก รวมทั้งการให้กู้ยืม คล้ายกับของสถาบันการเงินที่เรียกว่า Credit Unions ในสหรัฐอเมริกา
ตารางแสดงปริมาณธุรกิจเงินรับฝากและเงินให้กู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์และของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ปี 2550-2554 (5 ปี)
|
||||||
รายการ
|
2550
|
2551
|
2552
|
2553
|
2554
|
%อัตราเพิ่มหรือ (ลด)
|
สหกรณ์ออมทรัพย์
|
--------------------------------------------ล้านบาท--------------------------------------------------------
|
|||||
(1) เงินรับฝาก
|
199,859.00
|
222,538.00
|
249,024.00
|
334,969.00
|
350,419.00
|
|
(2) เงินให้กู้ยืม
|
567,150.00
|
624,001.00
|
711,275.00
|
784,995.00
|
936,603.00
|
|
รวม
|
767,009.00
|
846,539.00
|
960,299.00
|
1,119,964.00
|
1,287,022.00
|
67.80
|
%
|
98.13
|
98.01
|
97.55
|
96.91
|
96.84
|
(1.00)
|
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน
|
||||||
(1) เงินรับฝาก
|
6,712.00
|
8,438.00
|
12,297.00
|
20,119.00
|
24,568.00
|
|
(2) เงินให้กู้ยืม
|
7,882.00
|
8,731.00
|
11,862.00
|
15,573.00
|
17,452.00
|
|
รวม
|
14,594.00
|
17,169.00
|
24,159.00
|
35,692.00
|
42,020.00
|
187.93
|
%
|
1.87
|
1.99
|
2.45
|
3.09
|
3.16
|
69.00
|
รวม
สอ.และ สค.
|
781,663.00
|
863,708.00
|
984,458.00
|
1,155,656.00
|
1,329,042.00
|
|
%
|
100.00
|
100.00
|
100.00
|
100.00
|
100.00
|
|
ที่มา : (1) ตัวเลขดิบจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
|