คิดเล่น ๆ ให้เห็นความจริง
เรื่องหุ้นๆ ในสหกรณ์
โดย
ครูรงค์
ใครที่เคยอ่านกฎหมายสหกรณ์และข้อบังคับของสหกรณ์ แล้วคิดตามไปด้วยขณะอ่าน
อาจเคยพบว่า บางเรื่องราวที่กำหนดเอาไว้ในกฎหมายสหกรณ์และในข้อบังคับของสหกรณ์นั้น น่าสนใจและน่าสงสัย ว่าทำไมกฎหมายและข้อบังคับจึงกำหนดไว้เช่นนั้น และในทางปฏิบัติจะทำอย่างไร อย่างเช่นเรื่องของหุ้น และ สมาชิกในสหกรณ์
ลองมาดูกัน เริ่มที่ พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. 2542
มาตรา 33 (2) และ (3) ที่ระบุว่า สหกรณ์จะจัดตั้งขึ้นได้โดยการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิกโดยวิธีช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์ และต้อง
(2) มีสมาชิกเป็นบุคคลธรรมดาและบรรลุนิติภาวะ
(3) มีทุนซึ่งแบ่งเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน และสมาชิกแต่ละคนจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้น แต่ไม่เกินหนึ่งในห้าของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด
และ มาตรา 62 (5) ที่ระบุว่า เงินของสหกรณ์นั้น สหกรณ์อาจฝากหรือลงทุนได้ ดังต่อไปนี้
(5) ซื้อหุ้นของชุมนุมสหกรณ์หรือสหกรณ์อื่น
ชาวสหกรณ์ทั้งหลายต่างก็รู้กันดีว่า พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ. 2542 ทั้งสองมาตราดังกล่าวข้างต้น ได้ถูกแปลความให้กลายมาเป็นบางส่วนในข้อบังคับของสหกรณ์โดยทั่วไปที่ผ่านความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์ให้ถือใช้ได้ ในปัจจุบัน ดังนี้
ในส่วนของสมาชิก สมาชิกของสหกรณ์ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่บรรลุนิติภาวะแล้ว
ในส่วนของหุ้น สหกรณ์สามารถออกหุ้นได้จำนวนไม่จำกัด
ในส่วนของวัตถุประสงค์/อำนาจกระทำการ สหกรณ์สามารถซื้อหุ้นในสหกรณ์อื่นได้
ประเด็นที่น่าสนใจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการซื้อหุ้นในสหกรณ์อื่นของสหกรณ์ ซึ่งกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ เพราะหุ้น นั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงส่วนแห่งความเป็นเจ้าของในสหกรณ์
และสมาชิกสหกรณ์ทุกคนต้องถือหุ้นในสหกรณ์ แต่ก็แน่นอนว่า สหกรณ์ที่ซื้อหุ้นจะไม่อาจได้สถานภาพการเป็นสมาชิกในสหกรณ์ที่ขายหุ้นโดยอัตโนมัติ
เนื่องจากกฎหมายและข้อบังคับของสหกรณ์ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ว่าสมาชิกของสหกรณ์จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่บรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น
การเข้าซื้อหุ้นในสหกรณ์อื่น แม้จะมีผลทำให้สหกรณ์ที่ซื้อหุ้นกลายเป็นผู้ถือหุ้นที่มีส่วนเป็นเจ้าของสหกรณ์ที่ขายหุ้น ตามมูลค่าของหุ้นที่มีการซื้อขายกัน
สิ่งที่จะต้องคิดต่อไปก็คือสหกรณ์ที่ซื้อหุ้นไว้ในฐานะผู้ถือหุ้นจะมีสิทธิ บทบาทหรืออำนาจหน้าที่อย่างไรในสหกรณ์ที่ขายหุ้น เพราะเรื่องดังกล่าวนี้ไม่ได้มีการกำหนดเอาไว้ชัดเจนทั้งในกฎหมายสหกรณ์ และในข้อบังคับของสหกรณ์
ท่านผู้อ่านรู้ไหมว่าเรื่องอย่างนี้จะถามหาเอาความชัดเจนได้จากใคร หรือต้องส่งให้ใครตีความ
แต่ก็สนุกดีนะ ว่าไหม?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น