ทุเรียน
ลดคอเลสเตอรอลจริงหรือ?
ทุ
|
เรียน
ราชาแห่งผลไม้ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน (รวมถึงอิฉันด้วย...อิอิ)
แหม่...ก็ลองนึกถึงเวลาที่กัดลงไปบนเนื้อนุ่มๆ หอมๆ ของทุเรียนสิคะ
อึ้ม...ทั้งหวาน ทั้งมัน รสชาติกลมกล่อม อร้อย...อร่อย อย่าบอกใครเชียว
การกินทุเรียนอย่างเอร็ดอร่อยจนแทบหยุดไม่ได้นั้น
เคยได้ยินมาว่าถ้ากินมากไปจะทำให้ร้อนใน ดังนั้น หลังจากกินทุเรียนจึงควรกินมังคุด
ราชินีแห่งผลไม้ตาม มีคนเคยบอกว่าในเนื้อทุเรียนยังมีปริมาณแป้งและไขมันสูง
เป็นของแสลงของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรความดันโลหิตสูง รวมทั้งคนที่กลัวอ้วนทั้งหลาย
แต่ล่าสุดได้ยินข่าวที่เชื่อว่าคนชอบกินทุเรียนต้องกระโดดตัวลอยไชโยโห่ฮิ้วแน่ๆ
เมื่อพี่ทุเรียนของเราไม่ได้มีดีแค่อร่อยอย่างเดียว
แต่ยังมีงานวิจัยทั้งในและนอกประเทศระบุว่า ทุเรียนช่วยลดคอเลสได้ด้วย ว้าว!
เรื่องนี้ได้รับการวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮิบบรู และคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์
พบว่าทุเรียนมีความสุกพอดีจะสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าทุเรียนดิบหรือทุเรียนที่สุกเกินไป
และพบว่าทุเรียน “พันธุ์หมอนทอง” มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระดีกว่าพันธุ์ชะนีและพันธุ์ก้านยาว
นอกจากนี้ยังพบว่า
ทุเรียนมีปริมาณเส้นใยอาหารและธาตุเหล็กสูงมาก ต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่าสละ
มังคุด ลิ้นจี่ ฝรั่ง และมะม่วงสุกตามลำดับ
คณะผู้วิจัยยังนำทุเรียนไปเลี้ยงหนูทดลองพบว่า หนูทดลองที่ได้รับทุเรียนหมอนทองในอาหาร
สามารถลดสารคอเลสเตอรอลทั้งหมดได้ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ได้รับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลผสมอย่างเดียว
ผู้วิจัยสรุปว่า
ทุเรียนหมอนทองสุกน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดีสำหรับผู้ป่วยคอเลสเตอรอลสูงและผู้ป่วยเบาหวานถึงกับมีการเสนอให้พัฒนาทุเรียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดแข็งตัวในงานวิจัยบางชิ้น
การทดลองครั้งนี้ทำให้พบว่า
แม้ในเนื้อทุเรียนจะมีปริมาณไขมันมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
บริโภคเป็นอาหารและยาได้
ส่วนการเลือกทุเรียน
โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ให้ดูผลที่แก่จัด โดยดูที่ร่องพูจะกางและเด่นชัด
หนามจะยุบและกาง ปลายหนามแห้ง สีผิวค่อนข้างอมแดง
ใครเกรงว่าจะเลือกไม่ถูก แนะนำให้ “ตลาดไท” ค่ะ เพราะที่นี่มีทุเรียนให้เลือกมากมายทุกสายพันธุ์
ทุกไซต์ ทุกขนาด
ถึงจะกินทุเรียนได้แช่มชื่นขึ้น
แต่ก็ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะทุเรียนมีค่าพลังงานค่อนข้างสูง
เพื่อสุขภาพควรกินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม
จะให้พลังงานสูงถึง 187 กิโลแคลอรี ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม แคลเซียม
ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินเอ ประมาณ 18 มก. 36 มก. 1 มก. และ 22 มก. ตามลำดับ
หากกินครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6
เม็ด หรือเกือบครึ่งลูกก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากความหวานของทุเรียนมากเกินไปถึงประมาณ
400 กิโลแคลอรี พอๆ กับกินข้าว 5 ทัพพี หรือดื่มน้ำอัดลมเกือบ 2 กระป๋องแน่ะ
ที่สำคัญคืออย่าปรุงเป็นข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน
เพราะจะกลายเป็นเพิ่มปริมาณไขมันในหลอดเลือดแทน
กินแต่พอดี สิ่งดีๆ
ก็จะเกิดแก่ร่างกาย
ที่มา
: มติชน ฉบับพิเศษ ปีที่ 4 ฉบับ 32 , พ.ค. 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น