ฟัง
“คนกลาง (สอ.มก.)” แถลงบ้าง
เดิมทีแรกที่ให้มหาวิทยาลัยกู้
สหกรณ์น่าจะทำได้เพราะมหาวิทยาลัยยังเป็นสมาชิกสมทบอยู่ แต่เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งยกเลิก
สอ.มก. ก็น่าจะหยุดให้กู้เพราะ “การขัดคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์นั้นมีผลร้ายแรงกับคณะกรรมการดำเนินการ”
แต่ที่คณะกรรมการหลายๆ
ปีมาแล้วกล้าทำเพราะ
1)
คณะกรรมการเห็นว่าเงินกู้ต่างๆ นี้ล้วนแต่นำไปพัฒนามหาวิทยาลัยทั้งสิ้นเพราะถ้าไม่ได้เงินกู้จากสหกรณ์แล้วก็ยากที่จะพัฒนาให้มหาวิทยาลัยเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วได้
เพราะรัฐบาลมุ่งให้มหาวิทยาลัยช่วยเหลือตนเอง และไม่มีงบประมาณให้
2) สหกรณ์สามารถนำเงินไปลงทุนโดยได้กำไรจากส่วนเหลื่อมที่มั่นคงแน่นอน
แม้จะไม่สูงมากนักแต่ก็มั่นคงปลอดภัย เพราะมหาวิทยาลัยมีเงินฝากค้ำประกันและเท่าที่เป็นมามหาวิทยาลัยจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นโดยไม่มีปัญหาใดๆ
(ลูกหนี้ชั้นดีเลิศ)
3) ในระยะเริ่มต้นให้มหาวิทยาลัยกู้ก็เคยได้รับคำชมเชยและยกย่องเป็นแบบอย่างจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่าเป็นการใช้เงินทุนที่เป็นประโยชน์กับองค์กรแม่
(มก.)
เมื่อเล็งเห็นว่าการ “ให้
มก.กู้” นั้นเกิดประโยชน์ทั้งมหาวิทยาลัยและสหกรณ์ออมทรัพย์
และไม่มีเหตุอันใดที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินได้ (คือมีการเบี้ยวหนี้)
คณะกรรมการหลายชุดที่ผ่านมาซึ่งต่างก็มีท่านอธิการบดีเป็นประธานคณะกรรมการสหกรณ์
จึงกล้าหาญในการที่จะอนุมัติให้มหาวิทยาลัยกู้เพื่อไปพัฒนามหาวิทยาลัยให้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้
โดยมิได้เกรงกลัวที่จะถูกนายทะเบียนถอดถอนจากการเป็นกรรมการดำเนินการและไม่อาจสมัครเข้ามาเป็นกรรมการได้อีกเลย
แล้วใครล่ะเดือนร้อนเรื่องนี้
ทั้งที่ มก. ก็ได้ประโยชน์ สอ.มก. ก็ได้ประโยชน์
ก็คงจะต้องมาคิดวิเคราะห์กันว่าผู้เดือดร้อนเขาต้องการอะไรกันแน่
อะไรคือเป้าซึ่งยังจะต้องค้นหากันต่อไป...แต่แน่ล่ะเรื่องทำนองนี้มักจะเป็นข่าวที่น่าสนใจแน่นอน
เมื่อการให้มหาวิทยาลัยกู้มีแต่ได้กับได้โดยสุจริตและมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
แน่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต คณะกรรมการ สอ.มก. ก็คงจะกล้าหาญในเรื่องนี้ต่อไป
เว้นแต่มหาวิทยาลัยจะมิอาจกล้ากู้เพราะแม้จะมีประโยชน์ต่อ มก. ก็จริง แต่อาจจะมีผลเสียหายในทางราชการให้เกิดความมัวหมองได้
สู้อยู่ไปวันๆ
รอเกษียณแล้วค่อยคุยก็ได้ ว่าไม่เคยทำอะไรผิดเลย น่าจะดีกว่ามั้ง
“กรรมการเก่า-แก่”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น