สงสาร “สอ.มก.”
โดย รังสรรค์
ปิติปัญญา (6390)
ต้องขอเรียนว่าผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะเขียนบทความฉบับนี้ดีหรือไม่
เนื่องจาก สอ.มก.
ได้มอบหมายให้ประธานกรรมการบริหารยกร่างคำชี้แจงอย่างเป็นทางการแก่สมาชิกทุกท่านในกรณีการสนับสนุนทางการเงินแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้วและคำชี้แจงดังกล่าวได้นำลงตีพิมพ์ใน
“ข่าว สอ.มก.” ฉบับประจำเดือน พฤษภาคม 2556 แต่ยังมีสมาชิกบางท่านโทรศัพท์มาถึงผม แสดงความเป็นห่วงและปรารภว่าข่าวต่างๆอาจทำให้สมาชิกสูญเสียความเชื่อมั่น
และอาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่ สอ.มก. ผมจึงตัดสินใจเขียนเอกสารนี้
คำถามใหญ่ๆ
ที่ผมได้รับการสอบถามเข้ามาก็คือ สอ.มก. ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า?
การทำโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่ มก. จะทำให้ สอ.มก. เสียหาย
หรือได้รับผลประโยชน์อะไรหรือไม่? และหากยังมีการกระจายข่าวในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จะมีผลต่อ สอ.มก. อย่างไร? สำหรับคำถามแรกนั้น สอ.มก.
ได้ชี้แจงให้เพื่อนสมาชิกทราบแล้ว โดยยืนยันว่า สอ.มก.
ดำเนินการโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่ มก. ตามขั้นตอนต่างๆ
ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับทุกประการ ส่วนประเด็นที่ว่ากฤษฎีกาตีความในภายหลังว่านิติบุคคลไม่สามารถเป็นสมาชิกของสหกรณ์ได้นั้น
สอ.มก. ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (ค.พ.ช.) หาก ค.พ.ช.
วินัจฉัยออกมาแล้ว สอ.มก. ไม่เห็นด้วย ก็สามารถยื่นฟ้องนายทะเบียนต่อศาลปกครองได้
(เพื่อรักษาสิทธิ์ สอ.มก. เคยยื่นฟ้องต่อศาลปกครองมาแล้วครั้งหนึ่ง
ผลคือศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิ์ในการยื่นฟ้องใหม่หากคำนิจฉัยของ
ค.พ.ช. ไม่เป็นไปตามที่ สอ.มก. ยื่นอุทธรณ์)
คำถามที่สองที่หลายท่านกังวลใจก็คือการดำเนินโครงการดังกล่าวจะเกิดความเสียหายหรือความเสี่ยงทางธุรกิจกับสหกรณ์หรือไม่
ผมใคร่ขอตอบตามความเห็นส่วนตัวว่าไม่มีความเสียหาย
ทั้งนี้เนื่องจากมีเงื่อนไขชัดเจนว่าวงเงินที่จะใช้ตามโครงการนี้สูงสุดไม่เกินร้อยละ
80 ของเงินที่ มก. ฝากไว้กับสหกรณ์ ซึ่งก็เท่ากับว่าเงินที่ สอ.มก.
จ่ายไปในโครงการนี้ได้รับการคุ้มครองด้วยเงินฝากของ มก. นั่นเอง
จึงสรุปได้ว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหายกับ สอ.มก.
เมื่อมาพิจารณาถึงประโยชน์ที่
สอ.มก. ได้รับจากโครงการนี้ ก็พบว่าได้รับประโยชน์ทางการเงินน้อยมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อมองในเชิงของสังคม โดยส่วนตัวแล้วผมว่า สอ.มก.
ได้ทำหน้าที่ที่ยอดเยี่ยมในฐานะองค์กรตัวอย่างทางสังคม
เนื่องจากได้แสดงความกตัญญูต่อ มก. ที่ได้สนับสนุนให้จัดตั้ง สอ.มก. ขึ้นมา
รวมถึงคอยให้ความช่วยเหลือค้ำจุนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่ การเงิน
และการบริหารจัดการ ทำให้ สอ.มก. มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้
(เปรียบได้ว่า มก. คือพ่อ-แม่ และ สอ.มก. คือลูก) ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่ สอ.มก.
สามารถทำให้แก่ มก. ได้ โดยไม่ผิดหลักการสหกรณ์ และ กฎกติกาต่างๆ สอ.มก.
ควรดำเนินการให้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
อีกเรื่องหนึ่งที่สมาชิกกังวลใจกันมากก็คือสถานการณ์ทางการเงินของ
สอ.มก. ในขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ก็ต้องเรียนว่าทรัพย์สินของ สอ.มก. ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2556 สอ.มก. มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 23,565
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อ สิ้นปีบัญชี 31
ธันวาคม 2555 ประมาณ 1,620 ล้านบาท
หากอัตราการเพิ่มยังอยู่ในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสิ้นปีบัญชีนี้ (31
ธันวาคม 2556) สอ.มก.
น่าจะมีสินทรัพย์รวมประมาณ 25,833 ล้านบาท
และจากผลการประกอบการในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา คาดว่ากำไรในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมาย
600 ล้านบาทที่ตั้งไว้
จึงขอให้สมาชิกทุกท่านสบายใจและมั่นใจต่อ สอ.มก.
อย่างไรก็ตาม
หากยังมีข่าวในทางลบเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเกิดผลเสียต่อทั้งชื่อเสียง
ศักดิ์ศรี ความเชื่อถือศรัทธาที่สมาชิกและสังคมภายนอกมีต่อ สอ.มก. รวมไปถึงอาจมีผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจ
และผลการประกอบการด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อ สอ.มก. และสมาชิกเลย ผมว่าขณะนี้ สอ.มก.
น่าสงสารมาก นะครับ เพราะกลายเป็นจำเลยของสังคมทั้งๆ
ที่ไม่ได้ไปทำร้ายอะไรใครเลย การดำเนินงานทุกอย่างของ สอ.มก. มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสมาชิก
และ สังคม มก.โดยรวม ดังนั้นหากสมาชิกท่านใดมีความสงสัยหรือไม่เข้าใจการดำเนินงานของ
สอ.มก. สามารถสอบถามมาที่ สอ.มก. ผ่านสื่อต่างๆ ที่ สอ.มก. จัดไว้ให้
หรือจะเข้ามาสอบถามด้วยตนเองก็ได้
ผมว่า “การหันหน้ามาคุยกันคือทางออกที่แท้จริงของชาวเกษตร” นะครับ
พี่ๆ น้องๆ และเพื่อนพ้องกันทั้งนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น