วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สงสาร “สอ.มก.”


สงสาร สอ.มก.

โดย รังสรรค์ ปิติปัญญา (6390)

                ต้องขอเรียนว่าผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะเขียนบทความฉบับนี้ดีหรือไม่ เนื่องจาก สอ.มก. ได้มอบหมายให้ประธานกรรมการบริหารยกร่างคำชี้แจงอย่างเป็นทางการแก่สมาชิกทุกท่านในกรณีการสนับสนุนทางการเงินแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้วและคำชี้แจงดังกล่าวได้นำลงตีพิมพ์ใน ข่าว สอ.มก. ฉบับประจำเดือน พฤษภาคม 2556 แต่ยังมีสมาชิกบางท่านโทรศัพท์มาถึงผม แสดงความเป็นห่วงและปรารภว่าข่าวต่างๆอาจทำให้สมาชิกสูญเสียความเชื่อมั่น และอาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่ สอ.มก. ผมจึงตัดสินใจเขียนเอกสารนี้

                คำถามใหญ่ๆ ที่ผมได้รับการสอบถามเข้ามาก็คือ สอ.มก. ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า? การทำโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่ มก. จะทำให้ สอ.มก. เสียหาย หรือได้รับผลประโยชน์อะไรหรือไม่? และหากยังมีการกระจายข่าวในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะมีผลต่อ สอ.มก. อย่างไร? สำหรับคำถามแรกนั้น สอ.มก. ได้ชี้แจงให้เพื่อนสมาชิกทราบแล้ว โดยยืนยันว่า สอ.มก. ดำเนินการโครงการสนับสนุนทางการเงินแก่ มก. ตามขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับทุกประการ ส่วนประเด็นที่ว่ากฤษฎีกาตีความในภายหลังว่านิติบุคคลไม่สามารถเป็นสมาชิกของสหกรณ์ได้นั้น สอ.มก. ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (ค.พ.ช.) หาก ค.พ.ช. วินัจฉัยออกมาแล้ว สอ.มก. ไม่เห็นด้วย ก็สามารถยื่นฟ้องนายทะเบียนต่อศาลปกครองได้ (เพื่อรักษาสิทธิ์ สอ.มก. เคยยื่นฟ้องต่อศาลปกครองมาแล้วครั้งหนึ่ง ผลคือศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิ์ในการยื่นฟ้องใหม่หากคำนิจฉัยของ ค.พ.ช. ไม่เป็นไปตามที่ สอ.มก. ยื่นอุทธรณ์) 

                คำถามที่สองที่หลายท่านกังวลใจก็คือการดำเนินโครงการดังกล่าวจะเกิดความเสียหายหรือความเสี่ยงทางธุรกิจกับสหกรณ์หรือไม่ ผมใคร่ขอตอบตามความเห็นส่วนตัวว่าไม่มีความเสียหาย ทั้งนี้เนื่องจากมีเงื่อนไขชัดเจนว่าวงเงินที่จะใช้ตามโครงการนี้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 80 ของเงินที่ มก. ฝากไว้กับสหกรณ์ ซึ่งก็เท่ากับว่าเงินที่ สอ.มก. จ่ายไปในโครงการนี้ได้รับการคุ้มครองด้วยเงินฝากของ มก. นั่นเอง จึงสรุปได้ว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหายกับ สอ.มก.

                เมื่อมาพิจารณาถึงประโยชน์ที่ สอ.มก. ได้รับจากโครงการนี้ ก็พบว่าได้รับประโยชน์ทางการเงินน้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อมองในเชิงของสังคม โดยส่วนตัวแล้วผมว่า สอ.มก. ได้ทำหน้าที่ที่ยอดเยี่ยมในฐานะองค์กรตัวอย่างทางสังคม เนื่องจากได้แสดงความกตัญญูต่อ มก. ที่ได้สนับสนุนให้จัดตั้ง สอ.มก. ขึ้นมา รวมถึงคอยให้ความช่วยเหลือค้ำจุนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่ การเงิน และการบริหารจัดการ ทำให้ สอ.มก. มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ (เปรียบได้ว่า มก. คือพ่อ-แม่ และ สอ.มก. คือลูก) ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่ สอ.มก. สามารถทำให้แก่ มก. ได้ โดยไม่ผิดหลักการสหกรณ์ และ กฎกติกาต่างๆ สอ.มก. ควรดำเนินการให้อย่างเต็มกำลังความสามารถ

                อีกเรื่องหนึ่งที่สมาชิกกังวลใจกันมากก็คือสถานการณ์ทางการเงินของ สอ.มก. ในขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ก็ต้องเรียนว่าทรัพย์สินของ สอ.มก. ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2556 สอ.มก. มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 23,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อ สิ้นปีบัญชี 31 ธันวาคม 2555 ประมาณ 1,620 ล้านบาท หากอัตราการเพิ่มยังอยู่ในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสิ้นปีบัญชีนี้ (31 ธันวาคม 2556) สอ.มก. น่าจะมีสินทรัพย์รวมประมาณ 25,833 ล้านบาท และจากผลการประกอบการในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา คาดว่ากำไรในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมาย 600 ล้านบาทที่ตั้งไว้ จึงขอให้สมาชิกทุกท่านสบายใจและมั่นใจต่อ สอ.มก. 

                อย่างไรก็ตาม หากยังมีข่าวในทางลบเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเกิดผลเสียต่อทั้งชื่อเสียง ศักดิ์ศรี ความเชื่อถือศรัทธาที่สมาชิกและสังคมภายนอกมีต่อ สอ.มก. รวมไปถึงอาจมีผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจ และผลการประกอบการด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อ สอ.มก. และสมาชิกเลย ผมว่าขณะนี้ สอ.มก. น่าสงสารมาก นะครับ เพราะกลายเป็นจำเลยของสังคมทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปทำร้ายอะไรใครเลย การดำเนินงานทุกอย่างของ สอ.มก. มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสมาชิก และ สังคม มก.โดยรวม ดังนั้นหากสมาชิกท่านใดมีความสงสัยหรือไม่เข้าใจการดำเนินงานของ สอ.มก. สามารถสอบถามมาที่ สอ.มก. ผ่านสื่อต่างๆ ที่ สอ.มก. จัดไว้ให้ หรือจะเข้ามาสอบถามด้วยตนเองก็ได้

ผมว่า การหันหน้ามาคุยกันคือทางออกที่แท้จริงของชาวเกษตร นะครับ

พี่ๆ น้องๆ และเพื่อนพ้องกันทั้งนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น