ปี่พระอภัยมณี
แต่บรรเลงโดย ลูกสินสมุทร
โดย สหพรรณากร
ปี่พระอภัยได้เป่าเป็นครั้งที่ 2 ในเรื่องนั้น พระอภัยมณีไม่ได้เป่าเอง
แต่ให้สินสมุทรลูกที่เกิดกับนางผีเสื้อเป็นคนเป่าแทนตนเอง
เรื่องมีอยู่ว่า:-
เรือพระเจ้าสลิลราช เจ้าเมืองผลึกพร้อมกับนางสุวรรณมาลี ราชบุตรี
ถูกคลื่นลมสลาตันซัดแตกลอยมาติดที่เกาะแก้วพิสดาร
ก็พอดีเจอกับเจ้าฟ้าอภัยมณีกับสินสมุทรที่หนีนางผีเสื้อมาและขอบวชเป็นฤาษีอยู่กับพระโยคีผู้วิเศษทั้งสองคน
พระเจ้ากรุงผลึกขอพักซ่อมเรือและหาเสบียงอาหารที่เกาะจึงได้ทราบเรื่องราวของเจ้าฟ้าอภัยมณี
แต่ก็สงสัยว่าเสียงปี่จะมีอิทธิพลกล่อมคนให้นอนหลับสลบไสลได้อย่างไร
ฤาษีอภัยมณีจึงให้สินสมุทรลาสิกขาบท และเป่าปี่ตามที่ตนได้เคยสอนไว้ให้ฟัง:-
กรุงกษัตริย์ฟังปี่ให้วิเวก เอกเขนกนั่งหาวทั้งสาวศรี
ให้วาบวับหลับล้มไม่สมประดี ทั้งโยคีผู้เฒ่าพลอยหาวนอน
แกเอนอิงพิงหลับอยู่กับอาสน์ พวกอำมาตย์ล้มกลิ้งริมสิงขร
ทั้งพวกไพร่ในเภตราที่สาคร ระเนนอนหลับเรียบเงียบสำเนียง
ด้วยลมปี่เป่าดังกระทั้งโยชน์ ได้ทราบโสตสิงสัตว์สงัดเสียง
ในคงคาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง ฟังสำเนียงปี่แล้วแจ้วจับใจ
ขนาดพระอภัยไม่ได้เป่าเองนะนี่แค่เพียงสินสมุทรลูกศิษย์เด็กๆ
ที่เพิ่งเรียนได้ไม่นานก็บรรเลงเสียจนหลับกันเรียบร้อยไปหมดเช่นกัน
การเป่าครั้งนี้ทำให้นางสุวรรณมาลีได้มีประสบการณ์ครั้งแรกกับเสียงปี่พระอภัยมณีและคงจะจดจำประทับใจเลยแหละว่า
“นี่ขนาดพระอภัยไม่ได้เป่าเองยังขนาดนี้ แล้วถ้าพระอภัยบรรเลงเองจะขนาดไหน
ชักจะชอบแล้วนี่”
ปี่พิฆาต : พอเสียงปี่แหบหายลงไป
ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา
เมื่อซ่อมเรือเสร็จเตรียมเสบียงอาหารพร้อม เรือท้าวสลิลราช เจ้ากรุงผลึกกับนางสุวรรณมาลีพร้อมไพร่พล
และมีฤาษีอภัยมณีและสินสมุทรลูกชายขออาศัยไปด้วย
ก็ถอนสมออกจากเกาะแก้วพิสดารเพื่อเดินทางกลับเมือง
พระอภัยมณีก็จำต้องล่ำลาเมียเงือกซึ่งมีครรภ์แล้ว
และมาในเรือก็พร่ำละเมอเพ้อรักนางสุวรรณมาลี โดยมีสินสมุทรเป็นสื่อรักของทั้งสองคน
แต่พอเรือออกไปได้ไม่ไกลก็ต้องเจอกับนางผีเสื้อยักษ์เมียคนแรกซึ่งคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดไม่ไปไหน
แม้จะมีเวทมนต์ของโยคีคุ้มกัน แต่พอเลยเขตออกมาก็สุดจะปกป้องได้
นางผีเสื้อยักษ์อาละวาดจนเรือแตกกระจุยกระจาย ท้าวสลิลราชจมน้ำตาย
พระอภัยมณีพร้อมไพร่พลที่เหลือหลุดรอดขึ้นเกาะแห่งหนึ่งได้
เพราะพร่ำบ่นมนตราของพระโยคีและหนีไปรวมกันอยู่บนยอดเขา
ฤาษีพระอภัยมณีสิ้นทางหนี
จะเจรจาออดอ้อนวอนอย่างไรนางผีเสื้อยักษ์ก็ไม่ยอม เรียกผีพรายมาล้อมเกาะไว้หมด
และเรียกฝนมาตกหนักจนสุดจะอดทนไหว เมื่อหมดทางจะเจรจากันเสียแล้ว ฤาษีอภัยมณีก็ต้องตัดใจเด็ดขาด
สั่งให้ทุกคนเอาน้ำลายหยอดหู ส่วนตนเองนั้นรีบลาสิขาบทจากฤาษีแล้วคว้าปี่คู่ชีพขึ้นมาแข็งใจเป่าออกไป:-
ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ จึงจบหัตถ์อธิษฐานการกุศล
แล้ววันทาลาศีลพระทศพล เอาเครื่องต้นแต่งองค์อลงการ์
แล้วถือปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ แข็งพระทัยออกจากชวากผา
ขึ้นหยุดยั้งนั่งแท่นแผ่นศิลา ภาวนาอาคมเรียกลมปราณ
แล้วทรงเป่าปี่แก้วให้แจ้วเสียง สอดสำเนียงนิ้วเอกวิเวกหวาน
พวกโยธีผีสางทั้งนางมาร ให้เสียวซ่านซับซาบวาบหัวใจ
แต่เพลินฟังนั่งโยกจนโงกหงุบ ลงหมอบซุบชวนซบสลบไสล
พอเสียงปี่ที่แหบหายลงไป ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา
สรุปแล้วพระอภัยมณีก็ต้องจำใจฆ่าเมียยักษ์ของตัวเอง
เพราะไม่อยากจะไปสมสู่กับนางยักษ์อีกแล้ว
และตอนนี้ก็มาหลงรักนางสุวรรณมาลีอย่างหนักเลยทีเดียว
เห็นไหมล่ะผู้ชายใจร้ายขนาดไหน มีนางยักษ์ มีนางเงือก แล้วยังอยากจะมีนางสุวรรณมาลีอีก
จึงพรากนางเงือกมาทั้งที่ท้องแก่ และยังฆ่าเมียนางยักษ์ได้อีก คนอะไรใจร้ายจริงๆ
นะ
ไหนล่ะว่าปี่พระอภัยฯ
นางยักษ์ไม่กลัวตอนนั้นยังรักอยู่ ท่านยังไม่เอาจริงนะซิ พอเอาเข้าจริงๆ
ก็ถึงตายเลยนะ แม้นางยักษ์จะมีเวทมนต์วิเศษมากมาย
ไม่อาจปกป้องและทนทานกับเสียงโหยหวนเชือดเฉือนของเสียงปี่ได้เลย
ต่อไปท่านจะเป่าเมื่อไรอีกก็คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
รับรองว่าจะเป่าต่อไปจนกว่าจะหมดแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น