วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ปี่พระอภัยมณี แต่บรรเลงโดย ลูกสินสมุทร


ปี่พระอภัยมณี แต่บรรเลงโดย ลูกสินสมุทร

โดย  สหพรรณากร

          ปี่พระอภัยได้เป่าเป็นครั้งที่ 2 ในเรื่องนั้น พระอภัยมณีไม่ได้เป่าเอง แต่ให้สินสมุทรลูกที่เกิดกับนางผีเสื้อเป็นคนเป่าแทนตนเอง

          เรื่องมีอยู่ว่า:- เรือพระเจ้าสลิลราช เจ้าเมืองผลึกพร้อมกับนางสุวรรณมาลี ราชบุตรี ถูกคลื่นลมสลาตันซัดแตกลอยมาติดที่เกาะแก้วพิสดาร ก็พอดีเจอกับเจ้าฟ้าอภัยมณีกับสินสมุทรที่หนีนางผีเสื้อมาและขอบวชเป็นฤาษีอยู่กับพระโยคีผู้วิเศษทั้งสองคน

          พระเจ้ากรุงผลึกขอพักซ่อมเรือและหาเสบียงอาหารที่เกาะจึงได้ทราบเรื่องราวของเจ้าฟ้าอภัยมณี แต่ก็สงสัยว่าเสียงปี่จะมีอิทธิพลกล่อมคนให้นอนหลับสลบไสลได้อย่างไร ฤาษีอภัยมณีจึงให้สินสมุทรลาสิกขาบท และเป่าปี่ตามที่ตนได้เคยสอนไว้ให้ฟัง:-

                    กรุงกษัตริย์ฟังปี่ให้วิเวก                         เอกเขนกนั่งหาวทั้งสาวศรี

          ให้วาบวับหลับล้มไม่สมประดี                             ทั้งโยคีผู้เฒ่าพลอยหาวนอน

          แกเอนอิงพิงหลับอยู่กับอาสน์                              พวกอำมาตย์ล้มกลิ้งริมสิงขร

          ทั้งพวกไพร่ในเภตราที่สาคร                               ระเนนอนหลับเรียบเงียบสำเนียง

          ด้วยลมปี่เป่าดังกระทั้งโยชน์                              ได้ทราบโสตสิงสัตว์สงัดเสียง

          ในคงคาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง                              ฟังสำเนียงปี่แล้วแจ้วจับใจ

 

          ขนาดพระอภัยไม่ได้เป่าเองนะนี่แค่เพียงสินสมุทรลูกศิษย์เด็กๆ ที่เพิ่งเรียนได้ไม่นานก็บรรเลงเสียจนหลับกันเรียบร้อยไปหมดเช่นกัน

          การเป่าครั้งนี้ทำให้นางสุวรรณมาลีได้มีประสบการณ์ครั้งแรกกับเสียงปี่พระอภัยมณีและคงจะจดจำประทับใจเลยแหละว่า “นี่ขนาดพระอภัยไม่ได้เป่าเองยังขนาดนี้ แล้วถ้าพระอภัยบรรเลงเองจะขนาดไหน ชักจะชอบแล้วนี่”

ปี่พิฆาต : พอเสียงปี่แหบหายลงไป ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา

          เมื่อซ่อมเรือเสร็จเตรียมเสบียงอาหารพร้อม เรือท้าวสลิลราช เจ้ากรุงผลึกกับนางสุวรรณมาลีพร้อมไพร่พล และมีฤาษีอภัยมณีและสินสมุทรลูกชายขออาศัยไปด้วย ก็ถอนสมออกจากเกาะแก้วพิสดารเพื่อเดินทางกลับเมือง

          พระอภัยมณีก็จำต้องล่ำลาเมียเงือกซึ่งมีครรภ์แล้ว และมาในเรือก็พร่ำละเมอเพ้อรักนางสุวรรณมาลี โดยมีสินสมุทรเป็นสื่อรักของทั้งสองคน แต่พอเรือออกไปได้ไม่ไกลก็ต้องเจอกับนางผีเสื้อยักษ์เมียคนแรกซึ่งคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดไม่ไปไหน แม้จะมีเวทมนต์ของโยคีคุ้มกัน แต่พอเลยเขตออกมาก็สุดจะปกป้องได้ นางผีเสื้อยักษ์อาละวาดจนเรือแตกกระจุยกระจาย ท้าวสลิลราชจมน้ำตาย พระอภัยมณีพร้อมไพร่พลที่เหลือหลุดรอดขึ้นเกาะแห่งหนึ่งได้ เพราะพร่ำบ่นมนตราของพระโยคีและหนีไปรวมกันอยู่บนยอดเขา

          ฤาษีพระอภัยมณีสิ้นทางหนี จะเจรจาออดอ้อนวอนอย่างไรนางผีเสื้อยักษ์ก็ไม่ยอม เรียกผีพรายมาล้อมเกาะไว้หมด และเรียกฝนมาตกหนักจนสุดจะอดทนไหว เมื่อหมดทางจะเจรจากันเสียแล้ว ฤาษีอภัยมณีก็ต้องตัดใจเด็ดขาด สั่งให้ทุกคนเอาน้ำลายหยอดหู ส่วนตนเองนั้นรีบลาสิขาบทจากฤาษีแล้วคว้าปี่คู่ชีพขึ้นมาแข็งใจเป่าออกไป:-

                   ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์                 จึงจบหัตถ์อธิษฐานการกุศล

          แล้ววันทาลาศีลพระทศพล                                เอาเครื่องต้นแต่งองค์อลงการ์

          แล้วถือปี่ที่ท่านอาจารย์ให้                                 แข็งพระทัยออกจากชวากผา

          ขึ้นหยุดยั้งนั่งแท่นแผ่นศิลา                               ภาวนาอาคมเรียกลมปราณ

          แล้วทรงเป่าปี่แก้วให้แจ้วเสียง                             สอดสำเนียงนิ้วเอกวิเวกหวาน

          พวกโยธีผีสางทั้งนางมาร                                 ให้เสียวซ่านซับซาบวาบหัวใจ

          แต่เพลินฟังนั่งโยกจนโงกหงุบ                             ลงหมอบซุบชวนซบสลบไสล

          พอเสียงปี่ที่แหบหายลงไป                              ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา

 

          สรุปแล้วพระอภัยมณีก็ต้องจำใจฆ่าเมียยักษ์ของตัวเอง เพราะไม่อยากจะไปสมสู่กับนางยักษ์อีกแล้ว และตอนนี้ก็มาหลงรักนางสุวรรณมาลีอย่างหนักเลยทีเดียว เห็นไหมล่ะผู้ชายใจร้ายขนาดไหน มีนางยักษ์ มีนางเงือก แล้วยังอยากจะมีนางสุวรรณมาลีอีก จึงพรากนางเงือกมาทั้งที่ท้องแก่ และยังฆ่าเมียนางยักษ์ได้อีก คนอะไรใจร้ายจริงๆ นะ

          ไหนล่ะว่าปี่พระอภัยฯ นางยักษ์ไม่กลัวตอนนั้นยังรักอยู่ ท่านยังไม่เอาจริงนะซิ พอเอาเข้าจริงๆ ก็ถึงตายเลยนะ แม้นางยักษ์จะมีเวทมนต์วิเศษมากมาย ไม่อาจปกป้องและทนทานกับเสียงโหยหวนเชือดเฉือนของเสียงปี่ได้เลย

          ต่อไปท่านจะเป่าเมื่อไรอีกก็คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ รับรองว่าจะเป่าต่อไปจนกว่าจะหมดแรง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น