ธรรมะสะกิด...ชีวิตในบทเพลง
มนาโป 6244
เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552
ได้เคยเป็นเศรษฐีในแผ่นกระดาษในข่าว สอ.มก.
ที่มีอิสระทั้งความคิดและเสรีภาพจากจินตนาการ ด้วยการเสนอ “เพลงเศรษฐี
ปลดหนี้สหกรณ์” ต่อเนื่องกันมาหลายฉบับ เพราะมีแรงบันดาลใจที่จะอนุรักษ์เนื้อเพลงซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นเศรษฐีเช่นเพลง
เศรษฐีน้ำตา เศรษฐีเงินถัง เรือล่มในหนอง
และประชดประชันการปลดหนี้สหกรณ์ด้วยเพลงหนี้รัก หนี้เสน่หา ยามไร้
แต่ด้วยหนี้สินในชีวิตจริงยังมองไม่เห็นว่าจะต้องใช้อีกกี่เพลงจึงปลดหนี้สหกรณ์
สอ.มก. ได้ คงต้องรอเป็นเศรษฐีในวันรับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนก็พอใจ ณ
วันนี้และต่อๆ ไปก็จะขอสะสมทุนเรือนหุ้นแห่งจิตสำนึกที่จะมีสติสัปชัญญะแห่งการ
“ปลดหนี้ ด้วยการ “ปลงสติ” จาก “บทธรรม” ที่จะสรรมาเสนอคู่กับบทเพลงแห่งชีวิต
เพื่อจะเป็นข้อคิดให้หลุดพ้นจากอจินไตย โดยจะนำธรรมะ ภาษิตธรรม
เปรียบเทียบกับปรัชญาชีวิตให้สอดคล้องกับบทเพลง เช่น เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน
กรรมเก่า ชีวิตเมื่อคิดไป กรรม หรือเพลงคน ซึ่งล้วนแต่มีคำร้องเป็น อกาลิโก
“กวาดใบไม้-ได้ธรรมะ”
ปรัชญาธรรมจากท่านปัญญานันทะ เจริญพรไว้ว่า ดอกไม้ดอกตูมเล็กๆ แล้วใหญ่ขึ้นแย้มบานสดสวยเต็มที่กลายเป็นผลและเมล็ด
จากนั้นก็ร่วงหล่นลงโคนต้น ใบไม้เขียวอ่อน เขียวสด เขียวแก่ แล้วเหลืองเหี่ยว
ก็ร่วงหล่นให้เรากวาดมาเป็นกองขยะ แล้วก็งอกเป็นต้นและผลิดอกออกใบ ออกผล วนเวียนวัฎจักรต่อไป
ขับร้อง จินตนา สุขสถิต
(ก่อน พ.ศ.2505)
คนเราทุกคนว่ายวนผลกรรมนำเนื่อง ตกต่ำรุ่งเรือง เกี่ยวเนื่องแต่กรรมของตน
ความดีค้ำจุนจากบุญกุศล
ความชั่วจากบาปทุกข์ทน เพราะตนนั้นก่อเวรไว้
บางคนถือดีมั่งมีเพราะทำกรรมชั่ว
นั่นบาปสาปตัว เกลือกกลั้วมัวเมาเขลาไป
บางคนละอาว่าเหตุไฉน ทำดีแต่จนเหลือใจ ไม่เห็นได้ดีเหมือนว่า
*อย่าเพลินถือว่าเงินเป็นใหญ่
จิตใจเหนือสิ่งใดล้ำค่า เพราะความทุกข์ ความสุขใด เป็นที่ใจ ใช่ที่ตา
อย่าพะวงหลงลืมตน
ทำดีทุกทีต้องมีผลดีโดยทั่ว ก่อกรรมทำชั่วได้ชั่วตอบแทนทุกคน คนดีรักดี
โชคดีมีผล คนชั่ว ชั่วโฉดเฉาชน ไม่พ้นผลกรรมซ้ำเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น