วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

มหาโจร 5 ประเภท


มหาโจร 5 ประเภท



ฤติการณ์ของคนเราไม่เคยเปลี่ยน มีดี มีชั่ว ปะปนกันไป

พฤติการณ์ของพระภิกษุก็มีปัญหามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติ “พระธรรมวินัย” ไว้เป็น “เกราะ” คุ้มครอง “ธรรม”

พระสงฆ์คือคนที่ตั้งใจว่าจะปลดเปลื้อง ละวาง สละสุขทางโลกมาเพื่อศึกษาธรรม และปฏิบัติธรรม ดำเนินชีวิตภายใต้กรอบแห่งพระธรรมวินัย

            คนที่รู้และปฏิบัติ “ธรรม” ไม่ว่าต่ำ ไม่ว่าสูง ไม่ว่าจน ไม่ว่ารวย ไม่ว่าจะมีสถานะชนชั้นหรือมีหน้าที่การงานใดล้วนนับเป็น “สาวก” พระพุทธเจ้าได้

            ในทางตรงกันข้าม ถ้าคนนั้นประพฤติผิดแผกเบี่ยงเบน ถึงแม้จะนุ่งห่มผ้าเหลือง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติถึงลักษณะ “พฤติการณ์” เอาไว้ชัดว่า

            เหล่านี้คือ “มหาโจร”

          พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า “พฤติการณ์มหาโจร” ในสมัยพุทธกาล มี 5 ประเภท

            ภิกษุผู้มีความอยากมีอยากได้ลาภสักการะแล้วใช้อุบายต่างๆ นานา ชวนให้คนหลงเชื่อถวายลาภสักการะ นั่นเป็น “มหาโจรประเภทที่ 1”

          ภิกษุชั่วบางรูป ที่เรียนพระธรรมวินัย แล้วโกงเป็นของตนเอง แสดงตนว่าคิดขึ้นมาเอง ไม่ได้เรียนมาจากใคร เป็น “มหาโจรประเภทที่ 2”

          ภิกษุชั่วบางรูปใส่ความเพื่อนผู้บริสุทธิ์ว่าประพฤติผิดพรหมจรรย์อันไม่มีมูล นั่นเป็น “มหาโจรประเภทที่ 3”

          ภิกษุชั่วบางรูปเอาของสงฆ์ที่ห้ามแจกแบ่ง เช่น อาราม ที่ตั้งอาราม วิหาร ที่ตั้งวิหาร เตียง ตั้ง ไปให้ผู้อื่นเพื่อประจบด้วยเห็นแก่ลาภส่วนตัว นั่นเป็น “มหาโจรประเภทที่ 4”

          ภิกษุผู้อวดคุณวิเศษที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง เป็น มหาโจรประเภทที่ 5 ได้ชื่อว่า เป็น ยอดมหาโจร!

          บรรดามหาโจรล้วนต้องอาบัติปาราชิก

            กว่า 2,500 ปี ที่พุทธศาสนาผ่านห้วงยามแห่งการทดสอบ ความเสื่อมเป็นเรื่องของพฤติการณ์คน พุทธศาสนาดำรงอยู่ได้ด้วย “ธรรม”

            การช่วยกันเอา “มหาโจร” ออกไปจากผ้าเหลือง คือการปกป้อง “ธรรม” ปกป้องพุทธศาสนาไม่ให้แปดเปื้อน!?!!

ที่มา : เหยี่ยวถลาลม ,หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 11

อารมณ์คือปัญหา ปัญญาคือทางออก


                อารมณ์คือปัญหา ปัญญาคือทางออก มนุษย์วันนี้ ที่เรามีปัญหากันเยอะแยะเหลือเกินเพราะเรามักจะใช้อารมณ์  แล้วอารมณ์เป็นตัวที่สร้างปัญหา อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาการที่เราใช้สติปัญญาจะเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด ด้วยการคิดอย่างมีสติด้วยการคิดอย่างมีเหตุและผล แล้วก็นำไปสู่การแก้อย่างถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอน อย่างไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ฉะนั้นปัญญาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของปัญหา
คาถาชีวิต: วิกรม กรมดิษฐ์
 

                อารมณ์คือปัญหา ปัญญาคือทางออก มนุษย์วันนี้ ที่เรามีปัญหากันเยอะแยะเหลือเกินเพราะเรามักจะใช้อารมณ์  แล้วอารมณ์เป็นตัวที่สร้างปัญหา อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาการที่เราใช้สติปัญญาจะเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด ด้วยการคิดอย่างมีสติด้วยการคิดอย่างมีเหตุและผล แล้วก็นำไปสู่การแก้อย่างถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอน อย่างไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ฉะนั้นปัญญาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของปัญหา
คาถาชีวิต: วิกรม กรมดิษฐ์

ธรรมะสะกิด...ชีวิตในบทเพลง


ธรรมะสะกิด...ชีวิตในบทเพลง

มนาโป 6244

            เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 ได้เคยเป็นเศรษฐีในแผ่นกระดาษในข่าว สอ.มก. ที่มีอิสระทั้งความคิดและเสรีภาพจากจินตนาการ ด้วยการเสนอ “เพลงเศรษฐี ปลดหนี้สหกรณ์” ต่อเนื่องกันมาหลายฉบับ เพราะมีแรงบันดาลใจที่จะอนุรักษ์เนื้อเพลงซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นเศรษฐีเช่นเพลง เศรษฐีน้ำตา เศรษฐีเงินถัง เรือล่มในหนอง และประชดประชันการปลดหนี้สหกรณ์ด้วยเพลงหนี้รัก หนี้เสน่หา ยามไร้ แต่ด้วยหนี้สินในชีวิตจริงยังมองไม่เห็นว่าจะต้องใช้อีกกี่เพลงจึงปลดหนี้สหกรณ์ สอ.มก. ได้ คงต้องรอเป็นเศรษฐีในวันรับเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนก็พอใจ ณ วันนี้และต่อๆ ไปก็จะขอสะสมทุนเรือนหุ้นแห่งจิตสำนึกที่จะมีสติสัปชัญญะแห่งการ “ปลดหนี้ ด้วยการ “ปลงสติ” จาก “บทธรรม” ที่จะสรรมาเสนอคู่กับบทเพลงแห่งชีวิต เพื่อจะเป็นข้อคิดให้หลุดพ้นจากอจินไตย โดยจะนำธรรมะ ภาษิตธรรม เปรียบเทียบกับปรัชญาชีวิตให้สอดคล้องกับบทเพลง เช่น เพลงก่อนสิ้นแสงตะวัน กรรมเก่า ชีวิตเมื่อคิดไป กรรม หรือเพลงคน ซึ่งล้วนแต่มีคำร้องเป็น อกาลิโก

            “กวาดใบไม้-ได้ธรรมะ” ปรัชญาธรรมจากท่านปัญญานันทะ เจริญพรไว้ว่า ดอกไม้ดอกตูมเล็กๆ แล้วใหญ่ขึ้นแย้มบานสดสวยเต็มที่กลายเป็นผลและเมล็ด จากนั้นก็ร่วงหล่นลงโคนต้น ใบไม้เขียวอ่อน เขียวสด เขียวแก่ แล้วเหลืองเหี่ยว ก็ร่วงหล่นให้เรากวาดมาเป็นกองขยะ แล้วก็งอกเป็นต้นและผลิดอกออกใบ ออกผล วนเวียนวัฎจักรต่อไป
 
ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
เนื้อร้อง     สนิท ศ.                                                                              
ขับร้อง        จินตนา  สุขสถิต  (ก่อน พ.ศ.2505)

                คนเราทุกคนว่ายวนผลกรรมนำเนื่อง    ตกต่ำรุ่งเรือง เกี่ยวเนื่องแต่กรรมของตน ความดีค้ำจุนจากบุญกุศล    ความชั่วจากบาปทุกข์ทน เพราะตนนั้นก่อเวรไว้

            บางคนถือดีมั่งมีเพราะทำกรรมชั่ว นั่นบาปสาปตัว เกลือกกลั้วมัวเมาเขลาไป  บางคนละอาว่าเหตุไฉน ทำดีแต่จนเหลือใจ ไม่เห็นได้ดีเหมือนว่า

            *อย่าเพลินถือว่าเงินเป็นใหญ่ จิตใจเหนือสิ่งใดล้ำค่า เพราะความทุกข์ ความสุขใด เป็นที่ใจ ใช่ที่ตา อย่าพะวงหลงลืมตน

            ทำดีทุกทีต้องมีผลดีโดยทั่ว  ก่อกรรมทำชั่วได้ชั่วตอบแทนทุกคน คนดีรักดี โชคดีมีผล คนชั่ว ชั่วโฉดเฉาชน ไม่พ้นผลกรรมซ้ำเติม

ฟักข้าว


ฟักข้าว มีประโยชน์มากเช่น ยอด-ใบ-ลูกอ่อน ลดน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยโรคเบาหวาน

          ยอดอ่อนฟักข้าว ทำอาหารได้อร่อยมากสดๆกลิ่นเหมือนยอด-ใบมะระ ดุเหมือนไม่น่าจะอร่อย แต่เมื่อสุกไม่ว่าจะลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริก  ยำ ผัดไฟแดง แกงเลียง คั่วแค แกงส้ม ฯลฯ อร่อยมากผักบางชนิดที่ว่าอร่อยแล้วยังสู้ไม่ได้ ดอกของฟักข้าวเท่าที่เคยพบ มี 2 ลักษณะ ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 2 แบบ ดอกฟักข้าวที่มีปลายกลีบแหลม ดอกของต้นตัวผู้   ส่วนดอกฟักข้าวปลายกลีบมน  ดอกของต้นตัวเมีย ( ดอกฟักข้าว 2 ลักษณะนี้ผู้เขียนยังไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่  ว่าแตกต่างกันอย่างไรแน่ ตอนแรกเข้าใจว่า ดอกปลายกลีบแหลม ผลใหญ่ ใบไม่หยัก และดอกปลายมนกลม เป็นผลเล็ก ใบหยัก ต้นทั้งใบหยักและไม่หยัก มีลูกเหมือนกัน )  ต้นฟักข้าวเป็นไม้เถาเลื้อย ชอบแดด เลื้อยได้ทั้งบนพื้น บนต้นไม้อื่น บนหลังคา รั้วเตี้ยรั้วสูง ฯลฯ ขอให้มีที่มือเกาะ(ผู้เขียนจะเรียกหนวด)ได้ เลื้อยไปได้หมด   โคนต้นใหญ่ หากปลูกลงดินได้ดินดี  ฟักข้าวมีลูกตั้งแต่ต้นเล็ก เมื่อออกดอก ออกลูก เมื่อใบวายก็จะแตกยอดใบใหม่ ให้ได้เก็บ ยอด ใบ ลูกอ่อน ลูกแก่ ได้ตลอด   ผลอ่อนของฟักข้าว นำมาทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ต้มหรือนึ่งจิ้มน้ำพริก  ใส่แกงต่างๆ ลักษณะคล้ายเนื้อของมะละกอดิบแต่เนียนและแน่นกว่า 

          ผลฟักข้าวเมื่อเริ่มแก่ผิวเปลือกจะสีเหลือง พอแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีแสด-แดง ไม่ว่าจะอยู่บนต้นหรืออยู่ในภาชนะ ดูสวยงาม ซึ่งบางบ้านที่ปลูกบางทีมีปัญหามีแมลง นก กระรอก มากินก่อนที่ลูกจะแก่จัด โดยเฉพาะหากเป็นแมลงเจาะแล้วในลูกก็จะมีหนอนอยู่เต็มลูก ซึ่งถ้าห่อตอนลูกเล็กๆก็คงปลอดภัยจากแมลงได้   เท่าที่ทราบมาเมื่อลูกแก่ก็จะเก็บลงมาบ่มให้สุกก่อนที่จะใช้ส่วนด้านในลูกฟักข้าวด้านในลูกเมื่อแก่ เนื้อจะเป็นสีเหลือง เยื่อกลางผลที่หุ้มเมล็ดเป็นสีแดง เมล็ดแก่สีน้ำตาลเข้ม เวลาผ่าลูกแก่ถ้าต้องการเมล็ดไปปลูกต้องระวังมีดโดนเมล็ด ด้านในเมล็ดเนื้อสีขาว เมล็ดของฟักข้าวไม่ว่าจะสุกหรือดิบ (สดยังไม่ตากแห้ง) ผิวเปลือกจะกรอบมาก  ต้องทำให้สุกโดย คั่วหรือต้ม เมล็ดดิบมีพิษ 

          เมล็ดฟักข้าวแก่ ถ้านำไปปลูกต้องได้จากลูกฟักข้าวที่แก่จริงๆ ซึ่งตามที่กล่าวบางครั้งต้องนำลงมาจากต้นก่อนมาบ่มนั้นบางลูกยังไม่แก่มากก็สุกได้ เมื่อนำเมล็ดมาเพาะจึงไม่ขึ้นต้น  เมล็ดฟักข้าว มหาวิทยาลัยมหิดล วิจัยพบโปรตีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญ ของเชื้อเอชไอวี-เอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง จดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว  สรรพคุณประโยชน์ของฟักข้าวตามตำราแพทย์แผนไทย

          ฟักข้าว   ผักข้าว(เหนือ). ขี้กาเครือ (ปัตตานี) .พุกู้ต๊ะ(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน

          ใบ   รสขมเย็น   แก้ไข้ตัวร้อน  ถอนพิษอักเสบ  ตำพอกแก้ปวดหลัง แก้กระดูกเดาะ แก้ฝี แก้พิษ

          เมล็ด  รสมันเมาเย็น  ดิบเป็นพิษ คั่วให้กรอบรับประทานบำรุงปอด แก้ฝีในปอด แก้ไอ ขับปัสสาวะ แก้ท่อน้ำดีอุดตัน ใช้แทนเมล็ดแสลงใจ(โกฐละกลิ้ง)ได้

          ราก   รสเบื่อเย็น ต้มดื่มถอนพิษทั้งปวง  ถอนพิษไข้ ขับเสมหะ แก้เข้าข้อ ปวดตามข้อ แช่น้ำสระผม แก้ผมร่วง ฆ่าเหา

ขอบคุณสรรพคุณฟักข้าว จากหนังสือเภสัชกรรมไทยโดย วุฒิ วุฒิธรรมเวช

          ฟักข้าว ลดน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวานได้

          ราก       ถอนพิษทั้งปวง
          ใบ         ดับพิษ แก้หูด ฝีมะม่วง ริดสีดวง
          ผลอ่อน ใบอ่อน  ลดน้ำตาลในเลือด

วิธีใช้   นำผลอ่อน ใบอ่อน ยอดอ่อน มาปรุงเป็นอาหาร นำมาลวก ทำให้สุกรับประทานกับน้ำพริก หรือทำเป็นแกงแค ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ต้านมะเร็ง ไวรัส ยับยั้งน้ำตาลในเลือด ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน  รายงานผลการทดลอง  ในปี ..1986 ประเทศบังกลาเทศ ทำการทดลองพบสาร glycoides ในฟักข้าว ให้ผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ขอบคุณสรรพคุณฟักข้าวจากหนังสือ สมุนไพรบำบัดเบาหวานรวบรวมเรียบเรียงโดย เภสัชกรหญิงจุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก  สรรพคุณประโยชน์ของฟักข้าวนั้นมีมากๆ ผลการวิจัยในประเทศไทย เช่น จาก .มหิดล   .เชียงใหม่  .พายัพ  .แม่ฟ้าหลวง  และต่างประเทศเช่น ประเทศเวียตนาม จีน ญี่ปุ่น มีการเผยแพร่ให้ทราบกันในอินเตอร์เน็ตแล้ว คลิกอ่านชมกันได้นะคะ ข้อมูลที่ผู้เขียนทราบนั้นได้รับความกรุณาจากอาจารย์สุวัฒน์ ทรัพยประภา ส่งเป็นเอกสารมาให้ทราบส่วนหนึ่ง และได้จากผู้ขายผลิตภัณฑ์ฟักข้าว และประสบการณ์ทำใช้และทดลองด้วยตนเอง จะเพิ่มบันทึกเรื่องฟักข้าวให้ชมอีกหลายบันทึก  เช่น การทำน้ำฟักข้าว หุงข้าว ไอติม น้ำมัน ด้วยเยื่อสีแดงและเมล็ดของฟักข้าว  ฝากชมด้วยนะคะ

ด้วยความปรารถนาดี  กานดา แสนมณี