วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

คำอธิษฐานของผู้สูงอายุ


คำอธิษฐานของผู้สูงอายุ


ถ้าเราเอ่ยถึง "คนแก่ คนเฒ่า" หรือคนชรา  เรามักจะนึกถึง คนที่มีร่างกายและใบหน้าเหี่ยวย่น ผมขาว เดินเหินหรือทำอะไรงกๆ เงิ่นๆ  นัยน์ตาฝ้าฟาง เสียงก็แหบแห้ง บางครั้งก็สั่นเครือ อีกทั้งมีพฤติกรรม   จู้จี้ขี้บ่น พูดแต่เรื่องเก่าๆ ซ้ำซาก  ขี้หลงขี้ลืม   อารมณ์หงุดหงิด ฯลฯ เป็นที่น่ารำคาญของลูกหลาน จนเมื่อหลายปีมานี้ พวกเราหลายคนคงจะได้เคยอ่านกาพย์ยานีบทหนึ่ง

มีข้อความบางตอนดังนี้

                พ่อแม่ก็แก่เฒ่า       จำจากเจ้าอยู่ไม่นาน
                จะพบจะพ้องพาน       เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
                ขอเถิดให้สงสาร        อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
                คนแก่ชะแรวัย          คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
                ขอโทษถ้าทำผิด         ขอให้คิดทุกทุกยาม
                ใจแท้มีแต่ความ        หวังติดตามช่วยอวยชัย
 
            กลอนบทนี้นับว่าบรรยายความได้ตรงใจผู้เฒ่าผู้แก่อย่างมาก จึงได้ถูกตีพิมพ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ปรากฏอยู่ตามสิ่งพิมพ์  เว็บไซต์
มีการดัดแปลงเป็นบทเพลง เอาไปใช้ประกอบการอบรมสั่งสอนลูกหลาน แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง เพราะไม่มีการลงนามท้ายบทกลอน
ผู้อ่านท่านใดทราบ  ช่วยกรุณาบอกด้วยว่ากลอนบทนี้มีที่มาอย่างไรใครเป็นผู้แต่ง
        ทางกายภาพนั้นไม่มีใครหลีกพ้นแต่ในทางการดำเนินชีวิตและปฎิบัติตนนั้น   เราจะทำตัวอย่างไรเมื่อวัยนั้นมาถึง   เอาแค่ไม่ต้องเป็นขี้ปากของลูกหลานก็พอแล้วไม่ต้องให้มานับถือกราบไหว้เราดอก คืออย่าให้พวกเขามองเราเป็นคนเฒ่าคนแก่อย่างที่กล่าวข้างต้นขอให้พวกเขามองเราอย่าง "ผู้สูงอายุ"คนหนึ่ง  ก็พอใจแล้วก็ได้จากคอลัมน์แอน แลนเดอร์อีกนั่นแหละครับตีพิมพ์ไว้หลายปีจนจำไม่ได้แล้ว มีผู้อ่านท่านหนึ่งส่งคำอธิษฐานของตนมาให้ตีพิมพ์อ่านแล้วน่าจะตรงใจกับคนที่ไม่อยากเป็น "คนแก่" แต่อยากมีชีวิตอย่าง "ผู้สูงอายุ" มากกว่า   แปลออกมาพอได้ความดังนี้
                                                                     คำอธิษฐาน
     พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบดีว่าข้าพระองค์กำลังก้าวล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย  ขอพระองค์จงโปรดประทาน............ อย่าให้ข้าฯ ต้องกลายเป็นคนจู้จี้ขี้บ่นขอให้ข้าฯไม่ตกอยู่ในฐานะที่ต้องออกความเห็นไปในทุกเรื่อง ขอให้ข้าฯ พ้นจากการที่ต้องไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นโดยไม่จำเป็น
ขอให้จิตของข้าฯ ปลอดพ้นจากเรื่องจุกจิกกวนใจ ขอได้โปรดประทานปัญญานำข้าฯเข้าสู่ประเด็นปัญหา(ชีวิต) โดยไม่อ้อมค้อม ขอได้โปรดประทานความเข้มแข็งให้แก่ข้าฯเมื่อต้องรับฟังความทุกข์แห่งกายสังขารจากผู้อื่น ขอได้โปรดประทานความอดทนให้แก่ข้าฯในขณะที่ความเมื่อยล้า และความเจ็บปวด ได้ทวีขึ้นทั้งชนิดของโรคภัยและความรุนแรง  ด้วยอาการอันสงบ
            เมื่อข้าฯทำผิดพลาด  ขอพระองค์ให้บทเรียนด้วยการให้เหตุผลที่สมควรแก่ข้าฯ ข้าฯมิได้หวังจะมีชีวิตอย่างนักบุญ(เพราะมันยากเข็ญเกินกว่าข้าฯจะรับได้)  แต่การเป็นคนแก่ที่หลงเลอะเทอะนั้น  ก็ช่างน่าเกลียดเหลือกำลัง  ขอได้โปรดให้ข้าฯได้เป็นตัวของตัวเอง
แต่ก็สามารถยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นได้โดยไม่ต้องรู้สึกเสียหน้า ขอให้ข้าฯพ้นจากคำเสียดสีที่ว่าอยู่มานาน จึงรู้ดีกว่าใครๆ  หากว่าไม่มีอะไรดีขึ้นจากคำอธิษฐานนี้   ขอพระองค์โปรดประทานสติ  ให้ข้าฯได้สงบปากคำไว้ให้มั่นคง เมื่อเวลาของข้าฯใกล้จะสิ้นสุดลงข้าฯหวังว่าจะมีเพื่อนสักหนึ่งหรือสองคนอยู่ด้วยกับข้าพระองค์
            คำอธิษฐาน  คือการกำหนดสภาวะที่พึงปรารถนาให้กับตนเองโดยมีศรัทธาเป็นแรงเสริม     เพื่อไว้เตือนตนเอง  ให้อดทน อดกลั้นต่อสภาวะต่างๆที่จะต้องประสบ  บอกตนเองให้ใช้ปัญญาเพื่อ กำจัดความหลงผิดแล้วใช้สติ  ควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงและสงบ อยู่เสมอ คำอธิษฐานเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับหลักธรรมของพวกเรา  ชาวพุทธ ที่ว่าด้วย ขันติ โสรัจจะ คือธรรมที่ทำให้งาม   การใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาและการมีสติ รู้สภาวะของกาย ใจในทุกขณะของชีวิต ธรรมเหล่านี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ก็ด้วยการลงมือปฏิบัติ สรุปแล้วทุกคนต้องพึ่งตนเอง จะหวังพึ่งลูกหลานก็ตอนอยู่เป็นเพื่อนเมื่อถึงเวลานั้น"ก็พอแล้ว
           ผู้ใดปฎิบัติได้   ผู้นั้น ก็พ้นจากความ "แก่ เฒ่า" ขอให้ท่านผู้สูงอายุทั้งหลายจงเจริญในธรรมดังกล่าวยิ่งยิ่งขึ้นไปเทอญ
ส่งมาโดย....กฤตนัยน์  สามะพุทธิ (6809 )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น