ปีพระอภัยมณี
: เป่าธรรมดาเพื่อให้ลูกรู้
เมื่อได้เป่าขั้นเด็ดขาดสังหารนางผีเสื้อยักษ์ภรรยาตนเองเรียบร้อยแล้ว
ตัวเองและลูกเรือของเจ้ากรุงผลึกที่เหลือก็ค้างอยู่บนเกาะถึงห้าเดือนเต็ม
จนกว่าจะโชคดีที่ขบวนเรือของอุศเรน โอรสเจ้ากรุงลังกา
ซึ่งตามหานางสุวรรณมาลี
คู่หมั้นของตัวเองผ่านมาพบจึงได้รับเอาพระอภัยมณีและคณะลงเรือไปด้วย
ทางฝ่ายสินสมุทรก็ดำว่ายหนีแม่นางยักษ์
พร้อมกับช่วยหานางสุวรรณมาลีรอดขึ้นฝั่งได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเรือโจรสลัดทะเลหลวง
หัวหน้าชื่อโจรสุหรั่ง
ผ่านมาแวะหาเสบียงจึงขออาศัยไปด้วยโดยไม่รู้ว่าเป็นเรือโจร
โจรสุหรั่งวางแผนมอมเหล้าสินสมุทรเพื่อจะปลุกปล้ำนางสุวรรณมาลี
แต่เมื่อสินสมุทรฟื้นจากเมาฆ่าโจรสุหรั่ง
และยึดเรือโจรแล้วเดินทางตรงไปยังเมืองผลึกซึ่งอยู่ไกลออกไปทางทิศตะวันตก
โดยไม่เป็นเรือโจรอีกต่อไปคือปล้นเรืออื่นๆ
เดินทางได้สามเดือนเสบียงหมดจึงต้องแวะซื้อหาเสบียง ใครๆ
ก็ไม่ยอมขายให้เพราะรู้ว่าเป็นเรือโจร จนถึงเมืองรมจักร ซึ่งศรีสุวรรณ
พระเจ้าอาของสินสมุทรหรือน้องชายพระอภัยมณีครอบครองอยู่ก็เกิดรบกัน
จนในที่สุดก็ทราบว่าเป็นอาและหลานกัน เรื่องก็จบลงด้วยดี
และแล้วศรีสุวรรณ
และลูกสาวอรุณรัศมี
ก็ลงขบวนเรือร่วมกับสินสมุทรและนางสุวรรณมาลีเพื่อติดตามหาพระอภัยมณีด้วยความห่วงใย
จนกระทั่งได้พบกับกองเรือของอุศเรนที่มีพระอภัยมณีมาด้วยเข้าจนได้
เรือเร็วสอดแนมของอุศเรนรายงานว่าคนคุมเรือเป็นเด็กอายุเพียงเก้าขวบ
และยิ่งกำเริบฤทธิ์ ดุดันยิ่งขึ้นเมื่อทราบว่า
เรือที่ประจันหน้ากันอยู่เป็นขบวนเรือของอุศเรนว่าที่ลูกเขยของเจ้ากรุงผลึก
แต่ก็ไม่ทราบว่าพระอภัยมณีร่วมเรือมาด้วยกับอุศเรน
พระอภัยมณีรู้ว่าสินสมุทรคงรบแน่
จึงได้ใช้เสียงปี่บอกให้รู้
“เรื่อยเรื่อยเฉื่อยวายุพัดแผ้ว เหมือนเสียงแก้วกลอยจิตพิสมัย
หอมรวยรวยชวยชื่นรื่นฤทัย เหมือนใกล้ใกล้เข้ามาแล้วแก้วพี่เอย
เขาบอกว่ามาในเรือกำปั่น หรือสุวรรณมาลีเจ้าพี่เอ๋ย
สินสมุทรไม่มาหาบิดาเลย พ่อจะเชยใครเล่าเจ้าพ่ออา
แม้นอยู่ลำกำปั่นเหมือนมั่นหมาย จงแหวกว่ายสายสมุทรผุดมาหา
แล้วแหบหวนครวญโหยโรยชวา พระแกล้งว่าไปในเพลงวังเวงใจ”
ทั้งสินสุมทร
สุวรรณมาลีและศรีสุวรรณ จำเสียงปี่นั้นได้ทันที สินสมุทรนั่งไม่ติด ลุกขึ้นกระโจนน้ำดำดิ่งไปยังกำปั่นของพ่ออภัยมณีทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น