อาลัย “ผู้ออม”
อย่างแท้จริง
ที่ปรึกษา (1460)
สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของเราเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงมาโดยตลอดก็เพราะ
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือ มีสมาชิกมีความเชื่อมั่นศรัทธามาออมทรัพย์ไว้ในรูปแบบการถือหุ้น
(หุ้นละ 10 บาท) อาจจะจากการถูกบังคับออมโดยการหัก ณ
ที่จ่ายเป็นประจำทุกเดือนจากเงินรายได้ หรือโดยการสมัครใจมาเพิ่มเองเป็นพิเศษเนื่องจากหุ้น
สอ.มก. เรามีอัตราเงินปันผลตอบแทนในอัตราที่สูง แต่หุ้นนี้ถอนออกไม่ได้
(ต้องเป็นการลงทุนเป็นเจ้าของสหกรณ์อย่างถาวร) อีกรูปแบบหนึ่งของการออมกับสหกรณ์คือ
การฝากเงิน ซึ่งสหกรณ์จะให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์
และสมาชิกผู้ฝากสามารถถอน-ฝากได้ตลอดเวลา เราจะเห็นได้ว่าสหกรณ์เรามีเงินรับฝากทั้งหมดในขณะนี้ถึงประมาณ
14,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นสินทรัพย์ (หนี้สิน) ของสหกรณ์ในอัตราที่สูงมาก
จากสินทรัพย์รวมทั้งหมดของสหกรณ์ประมาณ 20,000 ล้านบาท
สหกรณ์ของเราเริ่มรับฝากเงินเลยที่เดียวตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี
พ.ศ. 2502 โดยรับเงินฝากก้อนแรกเป็นประเดิมจาก พิทยาลงกรณมูลนิธิ ประมาณ 100,000
บาท (มากนะในปี ’02) นอกนั้นที่เป็นกอบเป็นกำก็จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และจากคณะหรือหน่วยงานต่างๆ ใน มก. เพราะเป็นนโยบายที่แน่ชัดจากท่านอธิการบดี
อินทรี จันทรสถิตย์ ท่านเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและรับเป็นประธานกรรมการ สอ.มก.
การฝากเงินบัญชีอื่นๆ ส่วนใหญ่นิดๆ หน่อยๆ ไม่มากมายอะไร แต่จะมีอยู่ไม่กี่รายที่นำเงินมาฝากไว้ค่อนข้างมาก
และเงินฝากนี่แหละที่จำเป็นอย่างยิ่งในการนำไปให้สมาชิกได้กู้ยืมกันในขณะนั้น
เนื่องจากสหกรณ์มีหุ้นอยู่น้อยมากในระยะแรกๆ ผู้นำเงินมากฝากกับสหกรณ์ในขณะนั้นจึงนับว่าเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งต่อเพื่อนสมาชิกผู้กู้ที่ต้องรอคิวกู้กันยาวเหยียด
ในบรรดาสมาชิกผู้ฝากเงินกับสหกรณ์ท่านหนึ่ง
ผมจำได้เพราะท่านเคยเป็นอาจารย์สอนผมในวิชาพืชไร่ ท่านจะสอนเรื่องฝ้าย ข้าวฟ่าง
(และพืชอื่นๆ อีก แต่ไม่แน่ใจว่าอะไร)
และท่านเคยมาคุยบรรยายให้ฟังในหอประชุมตั้งแต่ผมเป็นนิสิตปีที่ 1 (ถูกเกณฑ์ไป)
เรื่องการเกษตรในประเทศอิสราเอลเพราะท่านคงเป็นคนเดียว ที่เรียนจบเกษตรจากมหาวิทยาลัยฮีบรู
(Hebrew University) ประเทศอิสราเอลซึ่งทำการเกษตรในทะเลทราย
ผมผิดสังเกตตรงที่เมื่ออาจารย์ท่านนี้มาสหกรณ์จะติดต่อเฉพาะคุณวิเชียร
(เจ้าหน้าที่รับฝากขณะนั้น รองผู้จัดการที่กำลังจะไปแล้วขณะนี้) และคุณวิเชียรของเราต้อนรับพิเศษหน่อย
คือแค่เชิญท่านนั่งพักแล้วก็มีกาแฟให้สักแก้วหนึ่ง ท่านสงบเสงี่ยมเรียบร้อยมากและพูดจาเบาๆ
ไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ให้รู้เลยว่าท่านมีเงินฝากอยู่เป็นจำนวนมาก
(อาจจะกลัวถูกเพื่อนขอยืมก็ได้นะ)
เท่าที่ผมทราบท่านก็จะฝากทบๆ
อยู่นั่นแหละไม่เคยถอนหรอก สมัยก่อนดอกเบี้ยเงินฝากอาจสูงถึงกว่า 10
เปอร์เซ็นต์ต่อปีนะ และนับถึงขณะนี้ก็ได้ออมกว่า 40 ปีแล้ว
มันจะเป็นเท่าไรแล้วผมไม่รู้ เพราะคุณวิเชียรไม่ยอมบอกเด็ดขาด แต่รู้ว่ามากๆ แหละ (อาจจะมากที่สุดของบรรดาผู้ฝากก็ได้นะ)
ท่านผู้นี้ผมจำได้ว่าท่านขับรถโฟคสวาเก้นเต่าสีเขียวหม่นๆ
ค่อนข้างเก่ามานานแล้ว ยังไม่เห็นท่านเปลี่ยนนะ ท่านจะใช้ขับเฉพาะในบางเขน
แต่ไปกลับบ้านสีลมท่านจะใช้บริการรถเมล์ประจำทาง ท่านแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย
เสื้อผ้าธรรมดาไม่ค่อยจะใหม่นักหรอก ท่านมีคู่ชีวิตเป็นแพทย์หญิง ไม่มีบุตรด้วยกัน
แต่ทราบว่ามีบุตรบุญธรรมผู้หญิง 1 คน ที่คอยพยุงมาสหกรณ์ในระยะหลังๆ
เพื่อถอนเงินไปใช้บ้างแต่คงจะไม่ยุบไปมากหรอก ท่านเป็นคนมัธยัสถ์ สมถะมากทีเดียว แม้ว่าสถานการณ์ภายในภายนอกเป็นอย่างไรท่านจะคงความเชื่อมั่นศรัทธาต่อสหกรณ์อย่างยิ่งไม่เคยมาถอนออกตามกระแสอย่างที่เคยปรากฏโดยเด็ดขาด
ท่านเก็บหอมรอบริบและศรัทธาฝากเงินไว้ในสหกรณ์ออมทรัพย์
มก. ไว้มากๆ ทำไมไม่รู้นะ (ใจจริงของท่านเราไม่อาจรู้ได้) แต่ที่แน่ๆ
คือมีประโยชน์ต่อตัวท่านเองไม่มากก็น้อย
มีประโยชน์อย่างยิ่งกับบุตรภรรยาทั้งขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และโดยเฉพาะเมื่อท่านจากไปแล้ว
แต่สำหรับสหกรณ์เราเงินฝากของท่านได้เป็นเงินทุนให้สมาชิกของเราได้กู้ยืมกัน
โดยเฉพาะระยะแรกๆ ที่เราไม่ค่อยมีเงินให้สมาชิกกู้ยืมกัน
แม้ในขณะนี้สหกรณ์ของเรามีเงินฝากอยู่เป็นจำนวนมากแล้วก็จริง
แต่เงินฝากนี่แหละที่สหกรณ์ต้องนำไปลงทุนเพื่อสร้างกำไรให้กับสหกรณ์มากพอเพื่อให้สมาชิกจะได้รับปันผล/เฉลี่ยคืนกันในอัตราสูง
และมาสร้างสวัสดิการให้กับสมาชิกสหกรณ์ของเรากันอย่างมากมาย
บุคคลท่านนี้ซึ่งกระผมขอยกย่องให้ท่านเป็น
“ผู้ออม” อย่างแท้จริง อันทรงคุณค่ากับ สอ.มก. ของเรา เป็นสมาชิกหมายเลข 50
ท่านได้อำลาพวกเราไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2555
“ขอดวงวิญญาณของท่านโปรดรับการคารวะและอำลา-อาลัยจากบรรดาเพื่อนสมาชิก สอ.มก.
ด้วยเถิด” ท่านอาจารย์สว่าง พฤกษาชีวะ แห่งภาควิชาพืชศาสตร์
พฤกษา ท่านเป็นจอม ไร่แล้ง
ชีวะ เรียบง่ายย่อม เป็นอย่าง
อำลาอาลัยแจ้ง เพื่อรู้ร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น