วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวเชียงรายเชิงสุขภาพ


         
เที่ยวเชียงรายเชิงสุขภาพ
สุบงกช จามีกร (1905)
          เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจัดโปรแกรมไปจังหวัดเชียงรายเป็นเวลา 5 วัน ไปท่องเที่ยวบ้าง ไปเพื่อศึกษาดูงานและปฏิบัติตัวในการใช้เวชศาสตร์ชะลอวัยบ้าง โดยทุนส่วนตัวไม่มี sponsor

            ออกเดินทางเช้าวันจันทร์ประมาณ 6 โมงเช้า อากาศดีมากๆ ฝนโปรยปรายมาตั้งแต่เมื่อคืน พอเช้าโชคดีฝนหยุดตก ต้นไม้ใบหญ้าได้รับน้ำฝนมาทั้งคืนจึงสดชื่น เขียวขจี เส้นทางจากเชียงใหม่ไปเชียงรายผ่านภูเขาสูง เมฆหมอกปกคลุมภูเขาเป็นหย่อมๆ ทำให้บรรยากาศตลอดเส้นทาง 168 กิโลเมตร สวยงาม ภูมิประเทศบางแห่งสวยงามคล้ายคลึงกับเส้นทางในประเทศสวิทเซอร์แลนด์เลยทีเดียว

            มีผู้กล่าวว่าชีวิตคือการเดินทาง เดินทางไปไหนกัน บางคนตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าเอาแต่เดินก็พอแล้ว บางคนวิ่ง วิ่งจนเหนื่อยหอบ วิ่งแข่งกับคนอื่น วิ่งแข่งกับตัวเอง ไม่เคยได้เห็นความสวยงามข้างทาง เมื่อไปถึงที่หมายแล้วก็ไม่รู้ว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ไปต่ออีก ทำไมไม่พักเหนื่อยบ้าง ทำไมไม่รู้จักหยุดรู้จักพอบ้าง หยุดสักพักลิ้มรสความสงบสุขบ้างเถอะแล้วจะติดใจ....

            แรงบันดาลใจที่จะไปเชียงรายคราวนี้ เกิดจากเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ไปเที่ยวชมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และไปเที่ยวอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มาก่อน บริเวณมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ปลูกต้นไม้และทำภูมิทัศน์ได้สวยงามมาก เนื่องจากว่าทางมหาวิทยาลัยได้สถานที่ก่อตั้งอยู่ในเนินเขาหลายๆ เนิน สำนักวิชาการต่างๆ ตลอดจนสำนักอธิการบดีมีการวางผังตึกไว้ได้อย่างเหมาะสม สถานที่แนะนำในการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงรายก็คือการนั่งรถแล่นชมในวิทยาเขตนี้ ช่างทำได้สวยงามและสะอาดเรียบร้อยมาก

            จากนั้นได้ไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โรงพยาบาลตั้งอยู่เนินเขา ภูมิประเทศสวยงาม อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องใช้แอร์คอนดิชั่น คนไข้ไม่หนาแน่น สะอาดสะอ้าน เจ้าหน้าที่มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีงาม ไปมาแล้วติดใจจริงๆ สามารถเข้ามารักษาตัวโดยเป็นผู้ป่วยนอก หรืออาจจะเป็นผู้ป่วยในก็ได้ สอบถามดูก็ได้เห็นเครื่องมือที่ทันสมัย มี rab ตรวจเลือดเอง ทราบว่ามีที่ล้างไต และการตรวจถันยรักษ์ด้วย

            นอกจากรักษาการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว ยังมีคลินิก ทันตกรรมที่ทันสมัย เวลาที่ทำการรักษาจะมองเห็นวิหารพระเจ้าล้านทองที่สร้างเป็นหอคำแบบล้านนาที่สวยงามมากๆ อีกด้วย โรงพยาบาลยังเน้นการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก มีคลินิกแพทย์แผนไทย จีน นวดประคบ ฝังเข็ม คลินิกทำ    ดีท๊อกซ์ และคลินิกผิวหนัง และเวชศาสตร์ชะลอวัย

            เมื่อได้ข้อมูลที่น่าสนใจแล้ว ผู้เขียนจึงได้วางแผนที่จะไปเชียงรายเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเริ่มต้นที่การรักษาและซ่อมแซมฟันก่อน จึงทำการเข้าพบทันตแพทย์ที่ศูนย์ทันตกรรมบรมราชชนนีของโรงพยาบาล คุณหมอกรุณา x-ray ฟันทั้งปากโดยเครื่อง x-ray คอมพิวเตอร์ จากนั้นท่านจึงวางแผนและวิเคราะห์ในการรักษา

            เมื่อถึงวันนัด การเดินทางจึงเริ่มขึ้น โดยเข้าพักที่ภูฟ้าวารี โรงแรมอยู่ใกล้ ม.แม่ฟ้าหลวง ที่พักสบายโอ่โถง สะอาด สะดวกที่ว่าเมื่อรับประทานอาหารเช้าแล้วก็เข้าไปในโรงพยาบาล ถ้าไม่มีรถส่วนตัวสามารถใช้รถบริการของโรงพยาบาลได้ โดยจอดรอรับคนไข้ที่มหาวิทยาลัย สะดวกมาก

            เริ่มทำฟันตอนเช้า ตรวจร่างกายโดยคุณหมอตรวจเลือด x-ray ตรวจร่างกายให้ทั้งหมด คุณหมอช่วยอธิบายผลตรวจเลือดทั้งหมดโดยละเอียด แนะนำการปฏิบัติตัวอย่างละเอียด คิดว่าจะมาตรวจสุขภาพอีกในปีหน้า

            จากนั้นก็เข้าคลินิกผิวหนังและชะลอวัย มีโปรแกรมที่น่าสนใจหลายโปรแกรม เช่น Phono (ผลักวิตามินเข้าผิวหน้าด้วยคลื่นความถี่สูง) Botox-Filler (ลดริ้วรอยทั่วหน้า/จุดที่ต้องการ) ฯลฯ สามารถปรึกษาคุณหมอ+คุณพยาบาลได้อย่างเป็นกันเอง โทรซักถามได้ที่ 053-917601-2

            สำหรับผู้ที่อยู่ กทม. สามารถติดต่อที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กทม. โทร. 02-6644360 หรือ  02-6642295 อโศกเพลส สุขุมวิท 21 หรือที่ www.ac.th.olter/hospital bkk

            ทางคลินิกยังมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื่น เนียนใส ลดริ้วรอย ควบคุมการผลิตโดยสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำหน่ายด้วยราคาย่อมเยา

            จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแนะนำที่เที่ยวที่กินได้หลายที่  ที่เที่ยวที่ควรไปก็คือพระตำหนักดอยตุง และสวนดอกไม้แม่ฟ้าหลวง ไปเที่ยวเชียงแสนมีเมืองเก่าน่าเที่ยว สามเหลี่ยมทองคำ หอฝิ่น แม่สายก็น่าไปเที่ยวเหมือนกัน ถ้ามีเวลาข้ามไปท่าขี้เหล็กฝั่งพม่าก็ไปไม่ยาก ทำบัตรผ่านแดนที่ที่ว่าการอำเภอแม่สายเสียค่าทำ 30 บาท แต่อย่าลืมเอาบัตรประจำตัวประชาชนติดไปด้วย

            ร้านอาหารที่จะแนะนำก็คือ กลางวันทานก๋วยเตี๋ยวหมูหรือเนื้อ รสชาติดีทั้ง 2 ร้าน ชื่อ ร้านบุญธรรม และร้านลำดวน ร้านลำดวนพิเศษกว่าคือ มีกล้วยข้าวเม่ากับกล้วยแขกด้วย ร้านอยู่ริมถนนสายเชียงราย-แม่สาย อยู่เยื้องกับอำเภอแม่จันเล็กน้อย ในอำเภอแม่จันมีร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน ชื่อจันเจ้ากับภัตตาคารจีนชื่อยาวหน่อย ถามชาวบ้านเอาก็ได้ อยู่ใกล้ๆ กับร้านกล้วยแขกมีชื่อของแม่จัน ถ้าชอบทานสลัดหรืออาหารฝรั่งก็อยากจะแนะนำร้าน Teak Cafe อยู่ริมถนนเลยภูฟ้าวารีไปเล็กน้อย แต่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีสลัดอกเป็ดอร่อย เค๊กก็ดีทานได้ แต่ถ้าอยากไปร้านกาแฟที่บรรยากาศโรแมนติกก็ต้องที่ “ชีวิตธรรมดา” อยู่ริมกก กาแฟและเค๊กอร่อย วิวสวย แต่งร้านสวยงาม ลืมบอกไปอีกร้านหนึ่งคือร้านจันกับผัก (จักรพันธ์) อยู่ใกล้ อ.แม่สาย

            การชะลอวัยนั้น นอกจากจะชะลอวัยของร่างกายแล้ว จิตใจก็มีความสำคัญต่อการชะลอวัยเป็นอันมาก สิ่งที่ทำให้ดูดแก่กว่าวัย ได้แก่ เป็นคนมักโกรธ  วิตกกังวล  หงุดหงิด ฯลฯ  พวกเราก็เคยอ่านหนังสือธรรมะและครูบาอาจารย์ก็ได้ให้วิธีการแก้ไขไว้หลายวิธี วิธีที่เป็นที่นิยมก็คงจะได้แก่การเจริญสติ พอดีผู้เขียนได้คุยกับลูกชายและเขาได้เล่าเรื่องราวที่ไปสัมมนาให้ฟัง ฟังแล้วเข้าทีดีเหมือนกัน เลยนำมาแชร์ให้ท่านผู้อ่านบ้าง ผิดถูกอย่างไรขอยกให้เป็นผลงานของลูกก็แล้วกัน

            วัตถุประสงค์ของการใช้ทฤษฎีนี้ก็คือ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าในที่ทำงาน ที่ประชุม หรือที่ไหนๆ จะแก้ปัญหาอย่างไร การแก้ปัญหานี้ Carol Dwick ได้เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “To change from fixed mind set to growth mind set แปลเป็นไทย “การเปลี่ยนจากกรอบความคิดเดิมๆ ไปสู่ความคิดที่ก้าวหน้า”

          ขั้นตอนมีดังนี้

            (1)  เมื่อเจอปัญหาหรือเห็น ได้ยินสิ่งที่ไม่ชอบใจ ต้องทำดังนี้ “listen to the voice in your headจงหยุดและฟังเสียงที่ดังขึ้นในสมองคุณ ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงที่เข้าข้างตัวเองทั้งนั้น (ไม่ชอบใจ โกรธ เคือง....) ทำไมถึงต้องเป็นเรา?

            (2)  Remember you have a choice (จำไว้นะว่าคุณมีทางเลือกเสมอ)

            (3)  Recognize you choice (ระลึกไว้ว่าคุณมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง  ทางที่หนึ่งก็คือ ดับเครื่องชนไปเลย หรือ ทางที่สองในเย็นๆ เข้าไว้และหัดคิดบวกไว้ หรือพูดภาษาธรรมดาแบบเราๆ ก็คือ มีสติเข้าไว้ “สติมาปัญญาเกิด” ปัญหาหรืออะไรก็ย่อมแก้ได้ แต่ถ้าใช้ทางเลือกที่หนึ่งมีแต่พังกับพังลูกเดียว

            (4)  Practice your mind again and again (พยายามปฏิบัติให้บ่อยๆ) ในที่สุดก็จะนำทฤษฎีนี้ไปใช้ได้

            ลองอ่านดูจะเห็นว่าฝรั่งเขาก็มีทฤษฎีของเขา เขาพยายามชะลอความคิดปรุงแต่งให้ช้าลง และคิดบวกให้มากๆ ปัญหาใดก็ตามหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามมันจะสลายตัวไปตามกฎไตรลักษณ์คือ จะต้องเป็นไปตามหลักอนิจจัง ทุกขัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น