ปวารณา
: วันออกพรรษา
โชติญาโณนามะ นวก’27
วัดชลประทาน
ปวารณา เป็นคำกริยา แปลว่า
ยอมให้ว่ากล่าว, ยอมให้ตักเตือน, ยอมให้ใช้, ยอมให้ขอ, ยอมให้ด้วยความเต็มใจ ถ้าใช้เป็นคำนาม เป็นชื่อสังฆกรรมที่พระสงฆ์ทำในวันสุดท้ายแห่งการจำพรรษา
คือ ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เรียกว่า วันปวารณา หรือวันมหาปวารณา
ในวันมหาปวารณานี้พระสงฆ์ทุกรูปจะกล่าวปวารณาคือ
เปิดโอกาสให้กันและกันว่ากล่าวตักเตือนได้ โดยว่าเป็นภาษาบาลีดังนี้ : “สังฺฆมฺ ภนฺเต ปวาเรมิ ทิฎเฐินวา สุเตนวา ปริสงฺ กายวา; วทนฺตุมํ, อายสฺมนฺโต อนุกมฺปํ อุปาทาย; ปสฺสนฺโต
ปฎิกฺกริสฺสามิ ทุติยมฺปิ ภนฺเต สังฺฆํ
ปวาเรมิ,............ตติยมฺปิ ภนฺเต สงฺฆํ ปวาเรามิ,........” แปลว่า
“ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ด้วยได้เห็นก็ตาม ด้วยได้ยินก็ตาม
ด้วยน่าระแวงสงสัยก็ตาม
ขอท่านผู้มีอายุทั้งหลายจงว่ากล่าวกับข้าพเจ้าด้วยอาศัยความหวังดี เอ็นดู
เมื่อข้าพเจ้ามองเห็นก็จักแก้ไข แม้ครั้งที่สอง....แม้ครั้งที่สาม....”
นี่เป็นเรื่องของสงฆ์เขาต้องทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 คือวันออกพรรษา
ชาวพุทธควรทำอะไรในวันนี้
ส่วนใหญ่ก็เฉยๆ เพราะไม่หยุดราชการเหมือนวันเข้าพรรษา แต่ก็เป็น “วันพระใหญ่”
ด้วยคือ ขึ้น 15 ค่ำก็ต้องไปวัด “ทำบุญ ทำทาน” กันตามระเบียบ บ้างก็คือศีลภาวนากันอย่างเคร่งครัดกว่าปกติธรรมดา
ชาวพุทธแท้ๆ มักจะเห็นว่าพระหายหน้าไปไหน ไม่ค่อย “เร่ร่อน” กันตั้ง 3 เดือน..........
รู้ว่าพระต้องคร่ำเคร่งปฏิบัติธรรมกัน เพราะฉะนั้นเมื่ออกพรรษาใหม่ๆ
ก็น่าจะ “บริสุทธิ์ผุดผ่อง” ก็เลยนิยมไปทำบุญที่วัดกันเยอะเหมือนกัน เชื่อว่าได้บุญเยอะกว่ามั้ง
มีประเพณีอย่างหนึ่งเรียนกว่า ตักบาตรเทโว
หรือ ตักบาตรดาวดึงส์ คือการตักบาตรในวันออกพรรษา ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11
เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก (วันเทโวโรหณะ) ทางวัดก็จัดกันใหญ่โตโดยเฉพาะวัดที่อยู่บนเนินเขาสูงๆ
ดูเหมือนพระลงบันไดมาจากสวรรค์ยังงั้นแหละ ก็ว่ากันไป
แต่ที่หนักกว่านี้คือภายหลังจากออกพรรษา
1 เดือน คือถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ก็เป็นเทศกาลทอดกฐิน
ซึ่งโดยแท้จริงแล้วก็เป็นการถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์ผู้จำพรรษาเท่านั้น
แต่ปัจจุบันนิยมการถวายของอื่นๆ กันเยอะแยะ จำนวนมาก เรียกว่า “บริวารกฐิน” โดยเฉพาะ
“เงินตรา” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดไปแล้ว ยังสงสัยว่าเป็นการ “ทำบุญ”
หรือทำให้ “เสียพระ” กันแน่ เพราะแค่ศีลข้อที่ 10. ชาตรูป รชต ปฏิคฺ
คหณา (เว้นจากการรับทองและเงิน) แค่เณรยังห้ามเลย
ต้องช่วยกันคิดว่าการถวายเงินพระนั้นแท้จริงได้บุญหรือบาปกันแน่ เพราะเป็นการส่งเสริมให้พระ-เณรผิดศีลอย่างแน่นอนที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น